ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ป่วยไข้เลือดออกยังพุ่ง! มากกว่า 1.9 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 66 อธิบดีกรมควบคุมโรค เตือนต้องระวังสุด กลุ่มป่วยไข้น้อย แทบไม่มีอาการที่เรียกว่า  Dengue fever หากไม่ทายากันยุงป้องกัน อาจเป็นพาหะให้ยุงมากัดนำเชื้อแพร่คนอื่น พร้อมเผยวิธีสังเกตอาการแบบไหนต้องรีบพบแพทย์

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์ไข้เลือดออก ว่า ขณะนี้น่ากังวล เนื่องจากพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างเดือนมกราคมที่ผ่านมาพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแล้ว 8,197 ราย มากกว่าปี 2566 ถึง 1.9 เท่า (4,286 ราย) และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกรมควบคุมโรคมีการประเมินตั้งแต่ต้นปีแล้วว่า ในปี 2567 สถานการณ์ไข้เลือดออกจะสูงขึ้น ประกอบกับของคนไข้ที่รักษาแบบผู้ป่วยนอก พบว่า เมื่ออยู่ที่บ้าน ไม่ได้ทายากันยุง เมื่อยุงมากัดก็นำเชื้อที่ยังมีอยู่ไปแพร่เชื้อต่อคนอื่น อีกทั้ง ยังพบว่า  80% โดยเฉพาะผู้ใหญ่ ไม่ได้มาโรงพยาบาล แต่ป่วยเป็นไข้เลือดออก ซึ่งอาการไม่ได้มาก เรียกว่า DF หรือ Dengue fever คือ มีเชื้อไวรัสอยู่ แต่อาการไม่รุนแรง มีไข้ปกติ และไปซื้อยากินเอง  เมื่อยุงมากัด จึงนำโรคแพร่เชื้อคนอื่นด้วย

“ดังนั้น จึงอยากรณรงค์ว่า เมื่ออยู่บ้านควรทายากันยุง หรือโลชั่นกันยุง ป้องกันไว้ดีที่สุด เหมือนการใส่หน้ากากอนามัย ใส่แมสก์ ก็เหมือนเราป้องกัน ลดการแพร่เชื้อ คล้ายๆ กัน” นพ.ธงชัย กล่าว

นพ.ธงชัย กล่าวว่า ปัจจุบันวัยทำงานที่ป่วยไข้เลือดออก น่าเป็นห่วง เพราะจะมีอัตราเสียชีวิตเพิ่มขึ้น อย่างไม่คิดว่า ตนเองจะป่วยเป็นไข้เลือดออก คิดว่า เป็นไข้ทั่วไป หรือโควิด บางทีไปซื้อยากลุ่มอันตราย โดยเฉพาะยากลุ่มเอ็นเสด ยาสเตียรอยด์ เพราะเสี่ยงเสียชีวิตได้ ให้รับประทานเฉพาะยาพาราเซตามอล อย่างไรก็ตาม  หากมีไข้สูงลอย 2-3 วันไม่ดีขึ้น ต้องรีบพบแพทย์ และยิ่งมีอาการหน้าแดง จ้ำเลือด ปวดท้องด้านขวา เสี่ยงตับโต ซึ่งกรณีอาการจะรุนแรง แต่หากกรณี DF ไข้น้อยๆ ไม่มีอาการมาก  ไม่มีน้ำมูก ไม่เหมือนหวัด ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นพาหะนำโรคได้ สิ่งสำคัญจึงรณรงค์ขอให้ทายากันยุงป้องกัน ปัจจุบันยากันยุงพัฒนามากขึ้น ทำเป็นโลชั่น ไม่เหนียวตัว อย่างผู้สูงอายุบางคนไม่ชอบทา ก็สามารถหาที่เป็นแบบโลชั่นได้

เอลนีโญ สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ยุงมากขึ้น

“ทุกปีที่มีการระบาดของไข้เลือดออก ส่วนหนึ่งจะพบว่าเชื่อมโยงกับภาวะเอลนีโญ ที่ทำให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เกิดการขยายตัวเพิ่มของประชากรยุง อย่างปีที่แล้วก็เป็นปีแรกของเอลนีโญ ซึ่งปกติจะระบาด 2 ปีติดกัน  และมีคนไข้สะสมจากปีที่แล้ว อยู่ในชุมชนสูงเช่นกัน ปัญหาคือ ทุกวันนี้เราไม่รู้ว่าเราป่วยไข้เลือดออกหรือไม่ แต่เราไปซื้อยาพาราเซตามอลกินเอง อาการไม่เยอะ  แต่ยุงที่มากัดเราก็อาจเอาเชื้อไปแพร่ได้ ดังนั้น การจะแยกก็อาจสังเกตว่า หากเรามีไข้ ปวดเมื่อยมากๆ ก็อาจเป็นไข้หวัดใหญ่” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

นพ.ธงชัย กล่าวย้ำว่า การทายา หรือทาโลชั่นป้องกันยุงจะช่วยป้องกันได้ดี รวมทั้งช่วยกันเก็บบ้าน เก็บขยะ เก็บภาชนะให้สะอาดเรียบร้อย ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย ส่วนเรื่องวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก กำลังศึกษาร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่อศึกษาว่าคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน รวมถึงผลความปลอดภัยของการใช้วัคซีน  ซึ่งปัจจุบันราคาวัคซีนค่อนข้างแพง อย่างการป้องกันก็ไม่ได้ 100% เพราะไข้เลือดออกมี 4 สายพันธุ์