ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"รมว.สมศักดิ์" จ่อผลักดันพ.ร.บ.อสม.เข้าสภาผู้แทนฯ รองรับความมั่นคงให้ช่วยชุมชน เพื่อพัฒนาศักยภาพ อสม.ให้ช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลปชช.ขั้นปฐมภูมิ พร้อมทำงานขับเคลื่อน 30 บาทรักษาทุกที่อย่างเต็มที่

วันที่ 19 พ.ค. 2567 นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารฯสุข ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข.กล่าวระหว่าง เป็นประธานร่วมในพิธีปิดโครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ 9 ประจำปี 2567.เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมูลนิธิธรรมาภิบาล ร่วมกับแพทยสภา สถาบันมหิตลาภิเบศร์  สถาบันพระปกเกล้า ที่โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้พบปะพูดคุยกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) และย้ำว่าไดัมีแนวคิดสร้างความมั่นคงให้กับ อสม. ด้วยการเสนอ พ.ร.บ.อสม. เพื่อทำให้เกิดความยั่งยืนพร้อมวางแนวทางการยกระดับอัพเกรด อสม. ที่มีความเหมาะสม ให้สามารถเป็นผู้ช่วยพยาบาลได้

เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการเสียสละเพื่อชุมชนด้วยดีตลอดมา เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นคุณค่าของคนทำงานที่ไม่ใช่เพียงแค่ค่าตอบแทนเป็นครั้งคราวแต่เป็นการมอบความมั่นคงและยั่งยืนของความเสียสละ  เห็นชัดเจนตั้งแต่ช่วงเกิดวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 เมื่อปี2563-2565 มาจนถึงปัจจุบัน อสม.นอกจากกจะเป็นด่านหน้าแล้ว ยังด่านสำคัญในการขับเคลื่อน นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวช่วยเหลือทีมแพทย์พยาบาลในพื้นที่อย่างเต็มกำลัง  ทั้งเป็นผู้นำยาและเวชภัณฑ์ไปจัดส่งให้ผู้ป่วยถึงบ้าน  

น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้จะเป็นพลิกโฉม อสม.สู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ นายสมศักดิ์มุ่งมั่นผลักดันให้ครม.เสนอร่างพ.ร.บ.อสม.เข้าสู่สภาผู้แทนฯและวุฒิสภาเพื่อยกระดับการปฎิบัติงาน พัฒนาศักยภาพ อสม.เพื่อประโยชน์ในการช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลในการดูแลประชาชนด้านสาธารณสุขขั้นปฐมภูมิ  สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ  การจัดสวัสดิการต่างๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ การศึกษาต่อยอดจากหลักสูตรสาธารณสุข ถือเป็นการส่งเสริมกิจการ และสร้างหลักประกันให้กับ อสม.ที่ปัจจุบันมีจำนวน 1,075,163 คน แบ่งเป็นอภาคเหนือ  271,556 คน ภาคกลาง 220,990 คน  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 435,660 คน ภาคใต้ 146,957 คน และอาสาสมัครในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 15,000 คน ทำให้นายสมศักดิ์ก็มองเห็น

จึงขับเคลื่อนให้มีการตรากฎหมาย อสม.ออกมาบังคับใช้ โดยที่หากพัฒนาระบบ อสม. ให้มีความยั่งยืน โดยการออก พ.ร.บ.อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เพื่อรับรองสถานภาพ การพัฒนาศักยภาพ รวมถึงสิทธิประโยชน์และการยกระดับอื่นๆ  ช่วยอสม. ที่มีวุฒิการศึกษาที่สามารถเรียนต่อได้เป็นผู้ช่วยพยาบาล หรือบุตรหลานอีกด้วย คาดว่าใช้เวลาไม่นาน มีขั้นตอนที่สภาผู้แทนราษฎรต้องรับร่างเพื่อพิจารณาต่อ โดยน่าจะใช้เวลาไม่นาน และเมื่อมีกฎหมายออกมาจะทำให้ อสม. มีความมั่นคง เข้มแข็ง เป็นการตอบแทน อสม. และที่สำคัญอสม.จะได้ทำหน้าที่ช่วยเป็นหูเป็นตาในการสอดส่องดูแลป้องกันเรื่องของยาเสพติดอีกทางหนึ่งเพื่อชี้เบาะแสผู้ค้ายาเสพติดช่วยเหลือเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อช่วยในการปราบปรามยาเสพติดอีกทางโดยมีค่าตอบแทน 5% ของรางวัลจับกุมอีกทางหนึ่งด้วย  นางสาวตรีชฎา กล่าว