ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช. - ธ.ก.ส.- สปร. ร่วม MOU “โครงการฝึกอบรมผู้นำด้านหลักประกันสุขภาพ รุ่น 2” หวังพัฒนาศักยภาพบุคลากร ปั้นผู้นำด้านสุขภาพรุ่นใหม่สานต่อ ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้เข้มแข็ง เพื่อดูแลสุขภาพประชาชนให้ดียิ่งขึ้น

วันที่ 20 พ.ค. 2567 ณ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารบี   สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และมูลนิธิพัฒนาประสิทธิภาพในราชการ โดยสถาบันที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในราชการ (สปร.) ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) โครงการฝึกอบรมผู้นำด้านหลักประกันสุขภาพ รุ่น 2 พ.ศ. 2567 โดยมี นพ.จเด็จ  ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. นายไพศาล หงษ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. และ นายกฤษ โอสถาเลิศ ผู้แทน สปร. เป็นผู้ร่วมลงนาม

นพ.จเด็จ กล่าวว่า โครงการฝึกอบรมผู้นำด้านหลักประกันสุขภาพ (UC Leadership Training Project) ครั้งนี้ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรที่ทำงานในภาคส่วนต่างๆ ของระบบสุขภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าประเทศไทย ทั้งในด้านการเสริมสร้างความรู้และทักษะที่จำเป็นในการบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพ ทั้งด้านนโยบายการจัดการ การวางแผนเชิงกลยุทธ์และดำเนินงาน เพื่อให้ผู้นำสามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ สร้างเครือข่ายระหว่างผู้นำด้านหลักประกันสุขภาพจากหน่วยงานต่างๆ ที่ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ นำไปสู่การพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น และด้านการส่งเสริมความคิดริเริ่มและนวัตกรรมที่นำมาใช้แก้ไขปัญหาและปรับปรุงระบบหลักประกันสุขภาพให้มีความทันสมัยและตอบสนองประชาชนได้ดียิ่งขึ้น และด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการมีส่วนร่วมในระบบ เพื่อให้ผู้นำทำงานร่วมกับชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 "สปสช. จะให้สนับสนุนและอำนวยความสะดวก การบริหารจัดการต่างๆ เพื่อให้โครงการเป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ และเชื่อมั่นว่าจะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศ และจะช่วยเสริมสร้างผู้นำที่มีคุณภาพและมีความพร้อมในการเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักประกันสุขภาพในอนาคต" เลขาธิการ สปสช. กล่าว

นายไพศาล กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนงบประมาณโครงการฝึกอบรมผู้นำด้านหลักประกันสุขภาพรุ่น 2 ปี 2567 ซึ่งเป็นโครงการที่ดีที่สามารถจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพและทักษะให้กับบุคลากรที่ทำงานด้านหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรวมทั้งหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องจะทำให้มีทักษะที่จำเป็นในการเป็นผู้นำและพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานรวมทั้งยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหน่วยงานด้วย ซึ่งการเรียนรู้การทำงานร่วมกันจะทำให้เกิดการบรรลุเป้าหมายร่วมกันในการสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนของระบบสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศไทยทำให้ประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ ธ.ก.ส.ดูแลอยู่  

"การมี สปสช. สร้างภูมิคุ้มกันทางด้านสุขภาพ และ ธ.ก.ส. สร้างภูมิคุ้มกันทางด้านการเงิน หากพี่น้องประชาชนมีภูมิคุ้มกันทั้งสองด้านนี้ดี ย่อมส่งเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น  นอกจากบริการเรื่องเงินทุนแล้วเรายังให้ความสำคัญกับลูกค้าในหลากหลายมิติไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขภาพการอบรมความรู้การเสริมสร้างทักษะต่างๆ โดยเฉพาะสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้นการดูแลสุขภาพจึงเป็นหนึ่งในภารกิจที่สำคัญของ ธ.ก.ส." ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าว

ด้าน นางวราภรณ์  สุวรรณเวลา รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า การทำบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้เป็นการหารือระหว่าง สปสช. - ธ.ก.ส.- สปร. เพื่อสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โครงการนี้เริ่มต้นจากการตระหนักถึงความสำคัญของการมีระบบหลักประกันสุขภาพที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม อย่างไรก็ตาม การที่จะดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายนี้ได้ต้องอาศัยการพัฒนาศักยภาพของผู้นำด้านนี้อย่างต่อเนื่องให้มีทักษะทั้งการทำงาน การบริหารจัดการและการสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องด้วย และจากการศึกษาพบว่าผู้นำในด้านหลักประกันสุขภาพต้องมีความรู้และความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับนโยบายและแนวทางการจัดการด้านหลักประกันสุขภาพ

นอกจากนี้ยังต้องมีทักษะการบริหารจัดการ การแก้ไขปัญหา และการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน และภาคประชาสังคม ได้นำไปสู่การหารือและวางแผนการทำงานร่วมกันระหว่างทีมงานของทั้ง 3 องค์กร ฉะนั้นศักยภาพและการอบรมครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้เข้าอบรม โดยการฝึกอบรมจะประกอบไปด้วยการบรรยายจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ การอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการทำกิจกรรมกลุ่ม ที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและทักษะในด้านต่างๆ ของการเป็นผู้นำด้านหลักประกันสุขภาพ  และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการอบรมจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบหลักประกันสุขภาพและระบบสาธารณสุขในภาพรวม ต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจและสนับสนุนในการดำเนินงานในครั้งนี้ขอขอบคุณคณะทำงานจากทั้ง 3 องค์กรที่ได้ร่วมกันทำงานในครั้งนี้

 

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง