ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

ศ.ยูนุส เจ้าของรางวัลโนเบล ปักธงธุรกิจเพื่อสังคมต้องเติบโตทั่วโลก ขจัดความยากจนให้หมดไป เน้นพัฒนาคนจนมีศักยภาพ เห็นผลแล้วที่บังกลาเทศ เปรียบทุนนิยมเหมือนกระต่ายขาเดียว ต้องทำควบคู่แก้ปัญหาสังคมด้วย

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย และสมาคมจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย จัดการประชุมธุรกิจเพื่อสังคม โดยมีนักเศรษฐศาสตร์ นักธุรกิจ นักวิชาการ ร่วมรับฟังกว่า 300 คน  โดย ศ.มูฮัมหมัด ยูนุส เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และผู้ก่อตั้งธนาคารกรามีน  ประเทศบังกลาเทศ  กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ธุรกิจเพื่อสังคม : แบบจำลองใหม่เพื่อสหัสวรรษใหม่ ว่า ตนได้ก่อตั้งธนาคารกรามีน ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อคนจน ในปี 1983 มีหลักการว่า คนที่ยากจนที่สุดต้องเป็นกลุ่มที่สามารถเข้าถึงเงินทุนได้ก่อน ซึ่งเป็นหลักการที่ตรงข้ามกับหลักเกณฑ์ของธนาคารทั่วโลก โดยเกิดจากตนได้มีโอกาสพูดคุยกับคนในชุมชน ทำให้เห็นปัญหาว่าคนจนไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ เพราะธนาคารให้เงินกู้เฉพาะคนที่มีเงินเท่านั้น แต่ตนคิดแตกต่างออกไป คนไม่มีเงินควรมีสิทธิ์ได้กู้เงินเพื่อมาขยายรายได้ ซึ่งหลักแนวคิดนี้ทำให้ธนาคารกรามีนเติบโตในทั่วโลก มีสมาชิกเป็นคนจนในประเทศบังกลาเทศถึง 4 ล้านครอบครัว แม้กระทั่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่าคนจนที่ธนาคารไม่ให้กู้นำเงินกู้มาคืนได้ครบเสมอ                

“หลักการไมโครเครดิตเป็นเรื่องที่ไม่ได้พูดว่า จะให้เงินเท่าไหร่ อย่างไร แต่เป็นเรื่องจะพัฒนาศักยภาพของคนอย่างไร เช่น ในบังกลาเทศ ผู้หญิงถูกมองว่าไร้ศักยภาพ แต่เมื่อได้พูดคุยและให้เงินทุน พบสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือ การเพิ่มศักยภาพให้คนเหล่านั้นได้รู้ว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้าง เงินจึงเป็นเพียงข้ออ้างที่นำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของคน เพราะความจนไม่ได้เป็นต้นเหตุของการไร้ศักยภาพ แต่เป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อม ที่คนจนที่ไม่ได้รับพื้นที่จากสังคม จึงไม่สามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้”ศ.มูฮัมหมัด กล่าว

ศ.มูฮัมหมัด กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ธุรกิจมุ่งหารายได้ เพราะตำราเศรษฐศาสตร์เขียนไว้ว่าการทำธุรกิจต้องได้ผลตอบแทนคือ เงิน จึงกลายเป็นสิ่งเสพของคนทำธุรกิจ ต่างจากการทำธุรกิจเพื่อสังคม ที่ไม่ได้เน้นแต่กำไร หรือเงินปันผล แต่เป็นเรื่องที่ทำแล้วสังคมได้ประโยชน์ เป็นการแก้ปัญหาสังคมไปพร้อมกับการทำธุรกิจ ซึ่ง 80% ของธุรกิจเพื่อสังคมเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาสังคมไม่จำเป็นต้องรอให้รัฐบาลเริ่ม ทุกภาคส่วนในสังคมต้องมีส่วนร่วม แม้ว่าทุนนิยมจะมีความงาม แต่เหมือนการยืนบนขาข้างเดียว การทำธุรกิจเพื่อสังคมจึงเป็นเหมือนการเสริมขาให้มันมีความมั่นคงขึ้น ซึ่งต้องเร่งปรับโครงสร้างสังคมเพื่อรองรับ เพื่อกำจัดความยากจนให้หมดไปจากสังคมนี้ให้ได้