ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้นำเข้าการร้อยไหมชนิดมีเงี่ยงมาเพื่อใช้สำหรับการเย็บแผล แต่ไม่ได้อนุญาตให้ใช้ในการยกกระชับผิว

พล.ต.กฤษฎา ดวงอุไร นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การร้อยไหมเพื่อยกกระชับผิวมี 2 ชนิด คือ การร้อยไหมชนิดมีเงี่ยงและไม่มีเงี่ยง ซึ่งมีต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลี โดยการร้อยไหมชนิดมีเงี่ยงได้รับการอนุญาต จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้นำเข้ามาเพื่อใช้สำหรับการเย็บแผล แต่ไม่ได้อนุญาตให้ใช้ในการยกกระชับผิว ส่วนการร้อยไหมชนิดไม่มีเงี่ยงไม่ได้รับการอนุญาตให้นำเข้ามาใช้ในไทย

ด้าน ศ.นพ.วรพงษ์ มนัสเกียรติ กรรมการสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การร้อยไหมชนิดมีเงี่ยงจะทำให้การยึดติดดีขึ้น ส่วนแบบไม่มีเงี่ยงจะสามารถสลายได้ภายใน 6-8 เดือน จึงเป็นที่นิยมของคนอายุ 30-60 ปี โดยจะไปใช้บริการตามคลินิกทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย เนื่องจากตามโรงพยาบาลไม่มีให้ บริการเพราะยังไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. ซึ่งการร้อยไหมราคาอาจสูงถึงเส้นละ 1,000 บาท โดยวิธี การร้อยไหมนั้นแพทย์จะทำการฉีดยาชาก่อน หลังจากนั้นก็นำเข็มร้อยกับไหมชนิดมีเงี่ยงและสอดเข็มเข้าไปบริเวณชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ส่วนชนิดไม่มีเงี่ยงสอดเข็มในระดับที่ไม่ลึกมาก การร้อยไหมส่งผลข้างเคียงถึงขั้นเกิดรอยบุ๋มของผิวหนัง เป็นรอยนูนแดงตามรอยเส้นไหมและผิวหนังสองข้างกระชับไม่เท่ากัน ใบหน้าผิดรูป ทั้งนี้ ยังไม่มีใครออกมายืนยันได้ถึงผลกระทบระยะยาวในการ ร้อยไหมและไม่ได้รับการรับรองจาก อย. จึงอยากให้ใช้วิธีการรักษารอยเหี่ยวย่นวิธีอื่นดีกว่า

เรื่องที่เกี่ยวข้อง