ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน - การให้บริการทันตกรรมในประเทศไทยเริ่มตั้งแต่เมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานบันทึกที่แน่ชัด แต่จากการสืบค้นจาก  http://dentpmk.pmk.ac.th/history.htm พบว่า ปี 2431 รัชกาลที่ 5 ทรงตั้งโรงพยาบาลศิริราช โดยมี นพ. ยอร์ช บี แมคฟารแลน ชาวอเมริกัน เข้ามาทำงาน พอปี 2483 นายวาดแย้มประยูร นักเรียนทุนเล่าเรียนหลวงที่ไปศึกษาต่อวิชาแพทย์ที่มหาวิทยาลัยสิราคิวส์ (Syracuse university) นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อจบวิชาแพทย์ได้ศึกษาวิชาทันตแพทย์เพิ่มเติมและกลับรับราชการเป็นแพทย์จนเจริญก้าวหน้าได้รับพระราชทานยศและนามเป็น ศ.พันเอกหลวงวาจวิทยาวัฑฒน์ ได้เสนอตั้งโรงเรียนทันตแพทย์สำหรับราชการทหารไปยัง จอมพล ป.พิบูลสงคราม แต่ จอมพล ป.ได้เปลี่ยนนโยบายมาจัดตั้งขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมีนิสิตทันตแพทย์รุ่นแรก 8 คน

73 ปีของการศึกษาด้านทันตแพทยศาสตร์ในประเทศไทย ได้ผลิตทันตแพทย์รวมกว่าหมื่นคน ทำหน้าที่ให้ในการดูแลสุขภาพปากและฟันของคนไทยทั่วประเทศ แล้วมี พ.ร.บ.วิชาชีพทันตกรรม เมื่อปี 2537 โดยมีเหตุผลในการประกาศใช้ดังนี้

"การประกอบโรคศิลปะแผนปัจจุบันสาขาทันตกรรมอยู่ในความควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการประกอบโรคศิลปะ ซึ่งมีคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะทำหน้าที่ควบคุมการประกอบโรคศิลปะสาขาต่างๆ ทั้งแผนปัจจุบันและแผนโบราณ ในปัจจุบันวิชาการและเทคโนโลยีทางด้านทันตแพทยศาสตร์ในประเทศไทยได้เจริญก้าวหน้าขึ้นเป็นอันมาก ประกอบกับจำนวนผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาทันตกรรมมีจำนวนมากขึ้น สมควรแยกการควบคุมการประกอบวิชาชีพทันตกรรมออกจากอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะโดยจัดตั้ง "ทันตแพทยสภา" ขึ้นทำหน้าที่ควบคุมการประกอบวิชาชีพทันตกรรมแทนคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลป จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้"

เมื่อ พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้แล้ว เป็นผลให้มี "ทันตแพทยสภา" ซึ่งเป็นสภาวิชาชีพที่มีกฎหมายรับรองโดยเฉพาะ มีการกำหนดขอบเขตการประกอบวิชาชีพทันตกรรม สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางวิชาการและเทคโนโลยีทางด้านทันตแพทยศาสตร์ของประเทศไทยในปัจจุบัน มีการส่งเสริมและควบคุมการฝึกอบรมเป็นผู้ชำนาญการในสาขาต่างๆทางทันตกรรมและที่สำคัญก็คือ มีการควบคุมมิให้ผู้ใดที่ไม่ได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตรในวิชาทันตแพทยศาสตร์ใช้คำหรือข้อความว่า ทันตแพทย์ ทันตแพทย์หญิง แพทย์ฟันหรือใช้อักษาย่อของคำดังกล่าว ซึ่งอาจนำไปใช้หลอกลวงหรือทำให้เชื่อได้ว่า มีความรู้ความสามารถในการให้การรักษาทางทันตกรรมแก่ประชาชน

เมื่อมีทันตแพทยสภาแล้ว ประชาชนจะได้อะไรวัตถุประสงค์ของการมีทันตแพทยสภาตามที่ระบุไว้ในมาตรา 8 ของ พ.ร.บ.วิชาชีพทันตกรรม มีด้วยกัน 7 ข้อได้แก่ 1.ส่งเสริมการศึกษา การวิจัยและการประกอบวิชาชีพในทางการทันตแพทย์ 2.ส่งเสริมความสามัคคีและผดุงเกียรติของสมาชิก 3.ผดุงไว้ซึ่งสิทธิ ความเป็นธรรมและส่งเสริมสวัสดิการให้แก่สมาชิก4.ควบคุมความประพฤติของผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรมให้ถูกต้องตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพทันตกรรม5.ช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่และให้การศึกษาแก่ประชาชนและองค์กรอื่นในเรื่องที่เกี่ยวกับการทันตแพทย์และการทันตสาธารณสุข 6.ให้คำปรึกษาหรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเกี่ยวกับการทันตแพทย์และการทันตสาธารณสุข 7.เป็นตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรมในประเทศไทย

จะเห็นได้ว่าวัตถุประสงค์ส่วนใหญ่มุ่งเน้นการพัฒนาให้วิชาชีพทันตกรรมมีคุณภาพและกำกับให้มีมาตรฐาน การมีมาตรฐานที่ดีก็เท่ากับเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับบริการที่ดี การให้การช่วยเหลือแนะนำ เผยแพร่และให้การศึกษาแก่ประชาชนในเรื่องที่เกี่ยวกับการทันตแพทย์ก็เพื่อให้ประชาชนได้รู้และเข้าใจ สามารถดูแลสุขภาพช่องปากและฟันได้อย่างถูกต้องและเข้ารับบริการทันตกรรมได้ด้วยความมั่นใจ

การทันตแพทย์ไทยในปัจจุบันเจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากความเข้มแข็งทางวิชาการของสถาบันการศึกษาและส่วนหนึ่งมาจากการทำหน้าที่ตามวัตถุประสงค์ของพ.ร.บ.วิชาชีพทันตกรรมของทันตแพทยสภา โดยมุ่งหวังให้การประกอบวิชาชีพทันตกรรมในประเทศไทยมีคุณภาพมาตรฐานและเป็นที่พึ่งทางด้านทันตสาธารณสุขของประชาชนไทยตลอดไป

ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน