ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ไทยรัฐ - กรมควบคุมโรค เผยปีนี้พบผู้ป่วยไข้รากสาดใหญ่แล้ว 8,522 ราย เสียชีวิต 4 ราย "ภาคเหนือ" มีผู้ป่วยมากที่สุด พร้อมเตือนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปในที่มีอากาศหนาวเย็น ให้ระวัง "ไรอ่อน" กัด เพราะเป็นพาหะสำคัญของโรค...เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 56 นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยกับไทยรัฐออนไลน์ ว่า จากข้อมูลสำนักวิทยาระบุว่า สถานการณ์โรคไข้รากสาดใหญ่ในประเทศไทยตั้งแต่ 1 ม.ค. - 30 ต.ค. 2556 พบผู้ป่วยทั้งสิ้น 8,522 ราย หรือคิดเป็น 13.42 ต่อประชากร 100,000 คน มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ส่วนใหญ่พบผู้ป่วยเป็นผู้ใหญ่ และภาคเหนือเป็นภาคที่พบผู้ป่วยมากที่สุด ตามมาด้วยภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีปริมาณผู้ป่วยใกล้เคียงกัน  "อยากเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ไม่ว่าจะเป็นภูเขาหรือดอยต่างๆ ให้ระวังไรอ่อนกัด เพราะไรอ่อนเป็นพาหะนำโรคที่สำคัญ ที่ทำให้เกิดโรคไข้รากสาดใหญ่ หรือสครับไทฟัส (Scrub typhus) โดยเป็นโรคที่พบมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว" นพ.รุ่งเรือง กล่าว

สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าว จะมีอาการที่สำคัญ คือ ปวดศีรษะอย่างรุนแรง มีไข้สูง หนาวสั่น เพลีย ปวดกระบอกตา อาจมีอาการไอแห้ง ๆ ไต ตับ ม้ามโต ผู้ป่วย 1 ใน 3 จะพบแผลคล้ายรอยบุหรี่จี้ ซึ่งเป็นบริเวณที่ถูกไรอ่อนกัด มีสีแดงคล้ำ รอยบุ๋ม ไม่คัน ผู้ป่วยร้อยละ 20-50 อาจมีอาการแทรกซ้อน เช่น ปอด สมองอักเสบ หากมีอาการรุนแรงหัวใจจะเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ อาจถึงขั้นช็อกและเสียชีวิตได้

ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กล่าวอีกว่า โรคนี้มียารักษาให้หายขาดได้ หากประชาชนไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ควรตั้งแคมป์ไฟ กางเต็นท์ และทำความสะอาดบริเวณค่ายพักให้โล่งเตียน หลีกเลี่ยงการนั่ง นอน บนพื้นหญ้า หรือบริเวณที่ใกล้ป่าละเมาะ พุ่มไม้ หรือบริเวณที่มีหญ้าขึ้นรก ควรใส่ถุงเท้า รองเท้า เสื้อแขนยาว ปิดคอแขนให้มิดชิด และควรทายากันแมลง และเมื่อเดินทางกลับจากท่องเที่ยว ควรซักทำความสะอาดเสื้อผ้าให้สะอาดภายใน 2 สัปดาห์ หากมีอาการป่วย เช่น ปวดศีรษะหรือเป็นไข้ ควรรีบไปพบแพทย์ และแจ้งประวัติการเดินทางท่องเที่ยวให้แก่แพทย์ทราบ เพื่อจะได้ทำการรักษาได้ทันท่วงที.

ที่มา: http://www.thairath.co.th