ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

โรคเอดส์ยังคงเป็นปัญหาเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของประชาชนทุกภูมิภาคทั่วโลก โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) รายงานล่าสุดในปี 2555  ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 35.3 ล้านคน  เสียชีวิตปีละ  1.6 ล้านคน  ซึ่งลดลงจากปี 2548 ร้อยละ 30 เนื่องจาก ผู้ติดเชื้อเข้าถึงการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวีมากขึ้น โดยมีผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่เพิ่มปีละ 2.3 ล้านคน สำหรับในกลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิกซึ่งมี 21 ประเทศ รวมไทยด้วย มีผู้ติดเชื้อเอดส์ประมาณ 1 ใน 10 ของทั่วโลก ในปี 2554 มีรายงานผู้ติดเชื้อประมาณ 5 ล้านคน  ซึ่งจำนวนพอๆกับเมื่อช่วง 5 ปีก่อน  เสียชีวิตปีละ 3 แสนกว่าคน มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มปีละ 360,000 คน

สำหรับการแก้ไขปัญหาเอดส์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พบว่าประสบความสำเร็จเป็นลำดับ โดยเฉพาะการลดผู้ติดเชื้อรายใหม่และลดการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูกด้วยการให้ยาต้านไวรัสในแม่ก่อนคลอด ซึ่งเราต้องพยายามรักษามาตรฐานการดำเนินงานให้ดีขึ้น แต่อย่างไรก็พบว่าภูมิภาคยังมีความท้าทายที่ต้องเร่งแก้ปัญหาการติดเชื้อ ในบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย กลุ่มผู้แปลงเพศ ผู้ขายบริการทางเพศ กลุ่มผู้ฉีดยาเสพติดเข้าเส้น โดยพบว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นกลุ่มเยาวชนอายุต่ำกว่า 25 ปีสูงขึ้น โดยการประชุมครั้งนี้ นับว่าเป็นการประชุมครั้งใหญ่ที่สุด มีเวทีนำเสนอและแลกเปลี่ยนวิชาการด้านเอดส์ เพื่อหาวิธีที่จะหยุดปัญหาเอดส์ให้ได้เร็วที่สุด โดยอาศัยการลงทุนอย่างคุ้มค่าทั้งการป้องกันและการรักษาเอดส์ โดยเฉพาะการวิจัยเรื่องการใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวี ทำให้โลกมีความหวังที่จะหยุดการระบาดและรักษาให้เอดส์หายขาดได้ แต่ที่สำคัญคือเราต้องมีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับปัญหานี้อย่างจริงจัง และแก้ปัญหาอย่างบูรณาการภายใต้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาคและระดับโลก

ในส่วนของไทยนั้น  ประสบความสำเร็จในการลดการแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูกจนอยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งระบบหลักประกันสุขภาพของไทยไทย ได้เพิ่มความครอบคลุมการให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์สูงถึงร้อยละ 70  และมีความพยายามที่จะปรับแนวทางการให้ยาต้านไวรัสให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องคำนึงถึงระดับเม็ดเลือดขาวซีดีโฟว์ (CD4) ขณะนี้ได้เพิ่มระบบการให้คำปรึกษารายที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เพื่อรับการตรวจเลือดหาเชื้อให้เร็วที่สุด ซึ่งจะทำให้สามารถให้การรักษาโดยเร็วที่สุด ผู้ติดเชื้อสามารถกลับมามีชีวิตได้เหมือนคนปกติ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ซึ่งจากการวิจัยพบว่าการลงทุนด้านนี้จะได้ผลตอบแทนกลับมาถึง 3 เท่า และเป็นตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยคาดว่าในปี พ.ศ.2556 ประเทศไทยจะมีผู้ติดเชื้อเอดส์และผู้ป่วยเอดส์ มีชีวิตอยู่ 447,640 คน และมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ประมาณ 8,959 คน

ข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข