ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ไทยโพสต์ - กรมสุขภาพจิตชี้ การส่งเสริมสติปัญญาและความฉลาดทางอารมณ์ (IQ,EQ) ของเด็กสามารถสร้างเสริมได้จากการเลี้ยงดูตั้งแต่วัยทารก พร้อมมอบของขวัญสำคัญ ช่วยพัฒนาทักษะการคิด การใช้ภาษา และการพัฒนาอารมณ์เด็กไทยก่อนสายเกินแก้

นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต ระบุว่า สถานการณ์ปัญหาระดับสติปัญญาเด็กไทย (IQ) ยังเป็นเรื่องที่น่าห่วงและจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งล่าสุด ผลการสำรวจระดับสติปัญญาในปี พ.ศ. 2554 พบว่า มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 98.59 (ค่าเฉลี่ยปกติ 90 - 109) ซึ่งถือว่าเป็นค่าระดับสติปัญญาที่อยู่ในเกณฑ์ปกติแต่ค่อนไปทางต่ำ ซึ่งสอดคล้องกับคะแนนการสอบประเมินผลนักเรียนนานาชาติ ในปี 2555 ที่พบว่า เด็กไทยมีทักษะทางด้านการคิดและการใช้ภาษาอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ดังเห็นได้ผลสัมฤทธิ์การเรียนคณิตศาสตร์ การอ่านและวิทยาศาสตร์ มีคะแนนรวมอยู่ในอันดับที่ 50 จาก 65 ประเทศสมาชิกขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development - OECD ขณะที่ คะแนนความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เฉลี่ยในระดับประเทศก็ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ คือ มีค่าคะแนนอยู่ที่ 45.12 จากค่าคะแนนปกติ 50-100

อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า คนเราจะเกิดมามีความสามารถฉลาดหลักแหลม หรือเป็นคนที่ขาดความสามารถนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดยังคงเป็น "สมอง" ซึ่ง พัฒนาการทางสมองเริ่มต้นมาตั้งแต่วัยเด็ก จึงจำเป็นต้องพัฒนาสมองของเด็ก สร้างเสริมความรู้ประสบการณ์ให้เหมาะสมกับวัยเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของสมอง พ่อแม่ ครู หรือผู้ปกครองเด็ก จึงจำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจในการส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านการคิดการใช้ภาษา และอารมณ์ให้ถูกต้องตามจังหวะและเวลาที่เหมาะสม กรุมสุขภาพจิตจึงได้จัดทำชุดสื่อเทคโนโลยี "ส่งเสริมคิดคณิต...พัฒนาการอ่านเพิ่มศักยภาพเด็กไทย" ตลอดจน พัฒนาเทคโนโลยีสร้างเสริมทักษะชีวิตและทักษะสังคม (Social Story) รวมทั้งพัฒนาแบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ 15 ข้อ เพื่อให้ครู/ผู้ดูแลเด็กในศูนย์เด็กเล็ก และพ่อแม่ได้ใช้ในการสังเกตทักษะทางอารมณ์ของเด็กเพื่อปลูกฝังให้เด็กรู้จักอารมณ์ตนเอง อดทนรอได้มีน้ำใจ รู้จักยอมรับผิด กระตือรืนร้น สนใจใฝ่รู้ ปรับตัวได้ มีความพอใจ และมีความสนุกสนานร่าเริงตามวัยของเด็ก

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรม สุขภาพจิต กล่าวเสริมว่า ในการส่งเสริมและ พัฒนา IQ EQ เด็กไทย จำเป็นต้องพัฒนาทักษะ 3 ด้าน ได้แก่ ทักษะด้านการคิด การใช้ภาษา  และทักษะด้านอารมณ์ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับชีวิต โดยต้องเริ่มฝึกตั้งแต่วัยทารก การฝึกทักษะด้านการคิด ผู้ปกครองสามารถฝึกทักษะให้แก่เด็กด้วยกระบวนการทางคณิตศาสตร์ (Pre maths skill) โดยผ่านการเล่น หรือกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่สนุกสนาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเลี้ยงดู เช่นการเล่นนับสิ่งของ การจัดกลุ่มสิ่งของที่เหมือนกันหรือแยกกลุ่มสิ่งของที่ต่างกัน หรือการดูนาฬิกา ที่จะช่วยให้เด็กสามารถเข้าใจจำนวน ตัวเลข รูปร่างและขนาดสิ่งของต่างๆ ได้ ส่วนการฝึกทักษะการใช้ภาษา สามารถฝึกได้โดย ผ่านกระบวนการพูดคุยการอ่าน หรือใช้เรื่องเล่า (Social Story) สำหรับการฝึกทักษะด้านอารมณ์ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู/ผู้ดูแลเด็กในศูนย์เด็กเล็กควรสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเด็กรวมทั้งส่งเสริมให้เด็กมีจิตอาสา ทำสาธารณประโยชน์ ตลอดจนสังเกตทักษะด้านอารมณ์ของเด็กได้จากแบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ 15 ข้อ ซึ่งมาจากแนวคิดการพัฒนาเด็กใน 3 ด้าน คือ ด้านดี ด้านเก่งและด้านสุข เพื่อนำไปใช้พัฒนาและส่งเสริมทักษะทางอารมณ์ในเด็กต่อไป

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอ.สถาบันราชานุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า ชุดสื่อเทคโนโลยี "ส่งเสริมคิดคณิต...พัฒนาการอ่านเพิ่มศักยภาพเด็กไทย" ประกอบด้วย แอนิเมชั่น แผ่นพับและสื่อการสอนถึงรายละเอียดของการฝึกทักษะด้านคณิตศาสตร์ ส่วนเทคโนโลยีสร้างเสริมทักษะชีวิตและทักษะสังคม (Social Story) จะเป็นสื่อการเรียนรู้ในรูปแบบหนังสือนิทาน มีเนื้อหาที่รวบรวมมาจากสถานการณ์ที่เด็กจะต้องเผชิญจริงในสังคม ที่ช่วยส่งเสริมด้านความเข้าใจภาษาแบบง่ายๆ ชัดเจน น่าสนใจเพื่อส่งเสริมให้เด็กมีพฤติกรรมที่เหมาะสม ที่สามารถใช้ส่งเสริมความเฉลียวฉลาดได้ ทั้งในเด็กปกติ และในเด็กที่มีความล่าช้าทางสติปัญญา ภาษาและสังคม ทั้งนี้ผู้สนใจ สามารถดาวน์โหลดได้ที่ www.rajanukul.com และในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ กรมสุขภาพจิตขอเชิญชวนพ่อแม่ผู้ปกครองพาบุตรหลานเข้าร่วมกิจกรรมสวนสนุกสำหรับเด็ก...คนพิเศษ ได้ที่สถาบันราชานุกูล ในวันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2557 ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ฟรี ตลอดงาน

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์  วันที่ 11 มกราคม 2557