ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

บ้านเมือง - ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ช็อกโกแลตเป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความหอมหวาน ความสุข ความรัก จึงเป็นที่นิยมนำมาให้กันในวันพิเศษ โดยเฉพาะวันวาเลนไทน์ นอกจากนี้เมื่อวิเคราะห์สารอาหารที่ได้จากช็อกโกแลต ช่วยลดฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นหนึ่งในฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล ความเจ็บปวด และเพิ่มฮอร์โมนแห่งความสุข และสงบ อย่างเอ็นโดรฟินและเซโรโทนิน นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่สูง เช่น โพลีฟีนอล ช่วยปกป้องเซลล์ร่างกายจากอนุมูลอิสระ ทำให้ลดการเกิดโรคอัลไซเมอร์ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีสารต้านการอักเสบ สารต้านการแพ้ สารต้านการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง และสารต้านไวรัสด้วย แม้จะมีสารอาหารเยอะแต่ก็มีปริมาณน้ำตาลสูงมาก หากว่าได้รับปริมาณมากเกินไปจะทำให้อ้วนได้

ดร.ฉัตรภา กล่าวว่า วิธีการรับประทานช็อกโกแลตอย่างมีความสุขและไม่อ้วน คือ 1.รับประทานช็อกโกแลตเป็นของว่างหรือขนมหวาน ควรลดหรือหลีกเลี่ยงการรับประทานไอศกรีม เค้ก คุกกี้ พร้อมกับช็อกโกแลต เพราะทำให้ได้รับพลังงานที่สูงเกินไป และทำให้อ้วนได้ ควรเลือกรับประทานช็อกโกแลตร่วมกับชาไม่ปรุงรส หรือน้ำสมุนไพรไม่ใส่น้ำตาล 2.รับประทานช็อกโกแลตช้าๆ ค่อยๆ ให้ละลายในปาก แทนที่จะเคี้ยวและกลืนอย่างรวดเร็ว อุณหภูมิในร่างกายจะสูงกว่าจุดละลายของช็อกโกแลต เมื่อช็อกโกแลตเข้าในปากจะละลายได้ช้าๆ ช่วยให้ได้รับรสชาติของช็อกโกแลตมากกว่า และจะส่งผลต่อความรู้สึกมีผลให้สมองรับรู้ความสุข แม้ว่าจะรับประทานในปริมาณน้อย แต่หากรับประทานโดยการเคี้ยวและกลืนเร็วร่างกายจะต้องการช็อกโกแลตในปริมาณมากเพื่อให้เกิดความสุข ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานสูงเกิน

ดร.ฉัตรภา กล่าวต่อว่า 3.ก่อนเลือกซื้อช็อกโกแลต พยายามเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเปอร์เซ็นต์ของโกโก้มากที่สุด มีน้ำตาลน้อย คือดาร์กช็อกโกแลต ดีกว่าช็อกโกแลตนม หรือไวท์ช็อกโกแลต 4.เลือกช็อกโกแลตที่มีขนาดชิ้นเล็กๆ ในแต่ละคำแทนที่จะเลือกชิ้นที่มีขนาดใหญ่ จากการวิจัยพบว่าการรับประทานช็อกโกแลตดำขนาดเล็ก (5 กรัม) จะไม่ทำให้น้ำหนักขึ้นและช่วยให้ไม่รับประทานอาหารจุบจิบ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง อย่างไรก็ตามการรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูง มีความหวานมาก จำเป็นต้องเสริมด้วยการออกกำลังกายให้มากขึ้นและเลือกรับประทานอาหารอย่างอื่นที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย รับประทานผักและผลไม้ให้สม่ำเสมอ

ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง  วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557