ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา

นสพ.มติชน : ชื่อของ "นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา" ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) โด่งดังชั่วข้ามคืนหลังคณะกรรมการ (บอร์ด) อภ.มีมติเลิกจ้างด้วยสาเหตุว่า แม้บริหารงานได้ เป็นคนดี แต่ไม่เพียงพอ และไม่สามารถจัดการความขัดแย้งภายในองค์กร ซึ่งที่ผ่านมา นพ.สุวัชไม่เคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าว แม้จะถูกสังคมตั้งคำถามว่าเพราะสาเหตุใดกันแน่ ล่าสุดเครือข่ายองค์กรสุขภาพได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบ นพ.สุวัช ถึงพฤติกรรมที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ คือ การเช่าพื้นที่ รพ.มหาสารคามอินเตอร์ และการจ้างที่ปรึกษาโครงการจัดตั้งศูนย์สนับสนุนงานล้างไตและฟอกเลือดเพื่อผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง (CAPD) งานนี้ผู้สื่อข่าว "มติชน" มีโอกาสพูดคุยเป็นครั้งแรก

เล่าถึงสาเหตุของการเปิดใจครั้งนี้

ผมรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากสาเหตุของการเลิกจ้างระบุชัดว่าผมสามารถปฏิบัติการตามที่ได้รับมอบหมายได้ แต่ต้องเลิกจ้าง ซึ่งขณะนั้นที่เซ็นชื่อรับทราบมติเพราะเป็นการเคารพมติบอร์ด และที่ไม่ออกมาแจงต่อสาธารณะในทันทีเนื่องจากยังไม่พร้อม แต่ล่าสุดนอกจากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการบอกเลิกจ้าง ยังถูกร้องต่อ ป.ป.ช.ในเรื่องโครงการจัดตั้งศูนย์ CAPD ทั้งที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ซึ่งผมอยู่ระหว่างร่างหนังสือเพื่อทำเรื่องทักท้วงมติบอร์ด อภ.เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมทั้งเตรียมข้อมูลในการชี้แจงประเด็นต่างๆ ที่ถูกตั้งคำถามทั้งหมด

มีแนวโน้มฟ้องร้องต่อศาลปกครองและฟ้องหมิ่นประมาทในการทำให้เสียหายหรือไม่

ไม่ใช่วิสัยของผมที่จะทำให้คนอื่นไม่สบายใจ แต่ทั้งหมดก็ต้องพิจารณาว่าผมโดนอะไรบ้าง โดนหนักแค่ไหน ซึ่งทั้งหมดพร้อมจะชี้แจงความบริสุทธิ์ให้กับตัวเอง

ประเด็นที่ถูกตั้งคำถาม คือ ไม่สามารถบริหารงานให้ อภ.เดินหน้าไปได้

ผมเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา เป็นเวลากว่า 1 ปีที่ผมทำงานมาตลอด และตอนที่เข้ามาก็มีปัญหาให้แก้ไข ตั้งแต่รับตำแหน่งแรกๆ ก็เจอปัญหาเรื่องการบรรจุยาสลับซอง ซึ่งพบว่ามีปัญหาเรื่องสายการผลิตที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทักท้วงและแนะนำให้ปรับปรุงมานานแล้ว โดยมาสมัยผมก็ดำเนินการตามคำแนะนำในการปรับปรุงสายการผลิต แต่ไม่ได้หยุดผลิตทั้งหมด ซึ่งขณะนั้นก็ยังมีปัญหาเรื่องเครื่องจักรผลิตยาไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่อีก ที่ผ่านมาผมก็แก้ไขปัญหามาเรื่อย

แม้แต่เรื่องผลประกอบการที่ต่ำลง เนื่องจากถูกมองว่าเป็นเพราะหยุดการผลิตยาหรือไม่ ต้องชี้แจงว่าในช่วงที่เกิดภาวะยอดขายลดลงในช่วงต้นปีงบประมาณนั้น เพราะ อภ.มีความจำเป็นต้องหยุดการผลิตยาในช่วงต้นปีงบประมาณเป็นเวลา 2 เดือน จากกรณียาสลับซอง ทำให้มียาจำหน่ายให้ลูกค้าไม่ครบรายการ ซึ่งผมก็แก้ไขปัญหามาตลอด จนสามารถบริหารจัดการปรับแผนการผลิตและผลิตยาได้ตามความต้องการของลูกค้า

เรื่องการขาดวัตถุดิบยาต้านไวรัสเอชไอวี/เอดส์ จนผู้ป่วยขาดยา

ในเรื่องยาต้านไวรัสเอชไอวี/เอดส์ที่ อภ. ค้างส่งให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ข้อมูล ณ วันที่ 9 กันยายน 2557 ผู้ป่วยไม่ได้ขาดยา เพียงแต่ อภ.ผลิตส่งเข้าคลังสำรองของ สปสช.ไม่ทันตามกำหนด ซึ่งผู้ป่วยยังได้รับยาอยู่ โดย อภ.ได้บริหารจัดการและดำเนินการผลิตยาที่ค้างส่งให้ สปสช.ตามขั้นตอนแล้ว ซึ่งประเด็นนี้ผมชี้แจงมาหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยจบ ยังมีประเด็นเพิ่มว่าผมสั่งงดผลิตยาจำเป็นอื่นๆ ทั้งยาโรคหัวใจ ยามะเร็ง ไม่เป็นความจริงเลย แม้แต่ยาเบาหวานก็ไม่ได้สั่งหยุดการผลิต เพียงแต่ให้ลดกำลังการผลิตลงเพื่อนำไปใช้ในการผลิตยารายการอื่นที่ค้างจ่าย โดยทั้งหมดเป็นการบริหารจัดการในช่วงที่สายการผลิตต้องปรับปรุงตามที่ อย.เสนอแนะ

ยังมีเรื่องค้างคาแก้ไม่ตก คือ โรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกที่ จ.สระบุรี

เรื่องนี้ อภ.ได้นำเสนอไปยังกระทรวงสาธารณสุขเพื่อนำเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว เนื่องจากต้องขอใช้งบประมาณของ อภ.เพิ่มเติมจากที่ ครม.เคยอนุมัติไว้ ส่วนการเดินหน้าโรงงานผลิตยาที่รังสิตนั้น ทางเครือข่ายองค์กรสุขภาพมองว่า เพราะเหตุใดจึงไม่ฟ้องร้องบริษัทที่ทำให้เกิดความเสียหาย ผมอธิบายหลายครั้งเช่นกันว่า ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการ แต่ฝ่ายกฎหมายยังไม่ส่งเรื่องมาให้ผมจนขณะนี้

ประเด็นร้อง ป.ป.ช.เกี่ยวกับโครงการศึกษา CAPD

โครงการนี้เป็นการทำตามพันธกิจของ อภ. คือ การพัฒนาระบบบริหารเวชภัณฑ์เพื่อประโยชน์ของประชาชน เนื่องจากที่ผ่านมาพบปัญหาว่า การจัดส่งน้ำยาล้างไตมีการสั่งเพิ่มเติมในช่วงปลายปีงบประมาณอยู่เสมอ ทั้งๆ ที่ปกติจะมีน้ำยาล้างไตคงคลังเหลืออยู่แล้ว จึงจัดตั้งโครงการนี้เพื่อหาสาเหตุ แก้ปัญหา อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ผมพร้อมชี้แจง ป.ป.ช.

เกิดคำถามกรณีบอร์ด อภ.ชุดเดิมลาออก เพราะเหตุใดคุณหมอไม่ลาออก

ผู้อำนวยการ อภ.เป็นกรรมการโดยตำแหน่งอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ก็มีบอร์ด อภ.ชุดใหม่แล้วเช่นกัน

เหตุผลที่ต้องเลิกจ้างมองว่าเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่

ไม่ทราบ เพราะที่ผ่านมาผมทำงานมาตลอดและพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง รู้สึกอยากทำงานให้ อภ.เดินหน้า แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ก็รู้สึกเหนื่อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะไม่เป็นธรรมกับผมเลย

ฝากอะไรกับก้าวต่อไปของ อภ.

อภ.ควรปฏิรูปองค์กรให้เดินหน้าอย่างแท้จริง เพื่อรองรับกับการเปิดเสรีทางการค้าให้สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ อภ.เป็นหน่วยงานกลางในการเชื่อมต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ให้บริการ และมีพันธกิจต้องดำเนินการ ทั้งการผลิตยาและเวชภัณฑ์ ส่งเสริมให้มีการศึกษาและวิจัยการผลิตยาและเวชภัณฑ์ ส่งเสริมการวิเคราะห์ยาและเวชภัณฑ์รวมทั้งวัตถุดิบที่ใช้ผลิตยาและเวชภัณฑ์ ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน และให้ซึ่งยาและเวชภัณฑ์ เป็นต้น

ที่สำคัญ ต้องสร้างธรรมาภิบาลในองค์กรฯ เพื่อสอดคล้องกับนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 3 พฤศจิกายน 2557