ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นสพ.ข่าวสด : คลังเร่งพิจารณาภาคบังคับตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ต้องดูไม่ให้กระทบลูกจ้างเกินไปเนื่องจากเล็งเก็บเพิ่มกองทุนประกันสังคม เหตุเริ่มมีปัญหาเพราะเงินไหลเข้าน้อยลง พร้อมชงตั้งกองทุนคนชราเจียดเงินจากภาษีบาปมาอุ้ม

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.เร่งศึกษาการตั้งกองทุนคนชรา ตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เงินจากการเก็บภาษีบาปจ่ายโดยตรงให้กับกองทุนคนชราที่จะตั้งขึ้น แต่ยังไม่ได้พิจารณาว่าจะให้ส่งกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะต้องดูความต้องการใช้เงินอีกครั้ง

"ปัจจุบันกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ได้รับเงินจากภาษีบาปปีละ 2% หรือประมาณ 4,000 ล้านบาท รวมเป็น 8,000 ล้านบาท และยังมีสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสที่ได้เงินจากภาษีบาปปีละ 1.5% แต่ไม่เกิน 2,000 ล้านบาท" นายกฤษฎากล่าว และว่า กองทุนชราภาพดูแลความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุ เช่น การสร้างที่อยู่อาศัย การจ่ายเบี้ยยังชีพให้เพียงพอ ซึ่งจะใช้เงินจากกองทุนที่ตั้งขึ้น

สำหรับการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ตอนนี้อยู่ระหว่างให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ซึ่งจะทำให้แรงงานในระบบมีเงินออมใช้หลังเกษียณมากขึ้น เพราะจะบังคับให้นายจ้างตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จากที่ปัจจุบันเป็นกองทุนภาคสมัครใจ

นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า ในส่วนของการเข้าไปดูแล แก้ปัญหากองทุนประกันสังคม ตอนนี้คลังและกระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างการหารือร่วมกัน เพราะทางกองทุนประกันสังคมมีแผนที่จะเก็บเงินสมทบเพิ่ม ขณะที่คลังก็จะตั้ง กบช. ต้องให้ลูกจ้างจ่ายเงินสมทบ

"การหารือดังกล่าวต้องไม่กระทบต่อรายได้ของลูกจ้างจนมากเกินไป แต่ก็ต้องสอดคล้องต่อเงินที่จะได้รับภายหลังเกษียณตามนโยบายของ กบช. แม้ปัจจุบันกองทุนประกันสังคมมีแผนให้ลูกจ้างนำส่งเงินเพิ่มขึ้น เนื่องจากพบว่ามีปัญหาของรายจ่ายจำนวนมาก แต่รายได้น้อยลง จึงต้องหาแนวทางการเพิ่มรายได้ ส่วนกระทรวงการคลัง ก็ต้องให้ลูกจ้างจ่ายเงินสมทบเช่นกัน"

ขณะที่การพิจารณาดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์ ตอนนี้คลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หารือร่วมกันถึงแนว ทางการกำกับสหกรณ์ออมทรัพย์

ที่มา : นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 1 ต.ค. 2559