ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นักโภชนาการยัน นมแม่สุดมหัศจรรย์ ชี้ 4 เหตุผลที่ นมผงทดแทนหรือเลียนแบบไม่ได้ เปรียบนมแม่คือ วัคซีนหยดแรกที่ให้ลูก มีสารแห่งความรัก สร้างการเจริญเติบโต 

นายสง่า ดามาพงศ์

นายสง่า ดามาพงศ์ นักโภชนาการ และที่ปรึกษากรมอนามัย กล่าวสนับสนุนการออกกฎหมายควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก หรือ ร่าง พ.ร.บ.โค้ดมิลค์ว่า หลักๆ กฎหมายฉบับนี้ต้องการให้เด็กกินนมแม่ แต่ไม่ได้บังคับห้ามขายนมผงอย่างที่เข้าใจ เพราะยังสามารถขายได้ เพียงแต่เนื้อหาร่างกฎหมายห้ามโฆษณานมผงเกินความจริง ซึ่งกลุ่มธุรกิจนมผงค่อนข้างห่วงว่า เมื่อกฎหมายฉบับนี้มีผล จะทำให้คนกินนมผงน้อยลง ขายสินค้ายาก ทำให้เขาขาดรายได้ 

นายสง่า กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องให้เด็กกินนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรก ไม่ให้แม้กระทั่งน้ำ เพราะเป็นไปตามกฎกติกาที่ออกโดยองค์การอนามัยโลก และทุกประเทศทั่วโลกก็ปฏิบัติกัน แต่หลังจาก 6 เดือนไปแล้ว ปริมาณนมแม่ ไม่พอต่อความต้องการของลูกเพราะลูกจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องได้อาหารอื่นเสริม แต่ต้องกินนมแม่ต่อ ไม่ให้เลิก เช่น ข้าวบดใส่ไข่แดง ปลา เนื้อหมู ไข่ ผัก ซึ่งเป็นการฝึกให้เด็กกินอาหารธรรมชาติที่ไม่ใช่แค่นมอย่างเดียว

“นมแม่หลังจากเด็กโตได้ 6 เดือนไปแล้ว ยังมีประโยชน์ มีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนเดิมอยู่ แต่ปริมาณไม่พอจึงจำเป็นต้องให้อาหารเสริม ประโยคนี้เป็นประโยคสำคัญ เพราะคนเข้าใจผิดว่า นมแม่หลัง 6 เดือนไปแล้ว ไม่มีประโยชน์เลยหยุดให้นม” นายสง่า กล่าว 

นายสง่า กล่าวว่า หลังเด็กมีอายุ 6 เดือนเป็นต้นไปต้องให้อาหารเสริมกับเด็กควบคู่กับอาหารเสริมยาวไปถึง 2 ขวบ แต่ถ้ากินนมอย่างเดียวหลังอายุ 6 เดือน ไม่ว่าจะเป็นนมแม่ หรือ นมผสมจะทำให้เด็กขาดสารอาหาร เจริญเติบโตไม่เต็มที่ นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างนิสัย และพฤติกรรมการกินอาหารให้กับลูกด้วย ฉะนั้นจำเป็นต้องฝึกกินหลัง 6 เดือนไปแล้ว 

สำหรับประโยชน์ของนมแม่ นายสง่ายืนยันว่า แม้มนุษย์จะสร้างนวัตกรรมด้านต่างๆ หรือ โลกจะพัฒนาแค่ไหน แต่วันนี้ยังไม่มีนมใดมาทดแทนนมแม่ หรือ ลียนแบบนมแม่ได้ 100% 

สิ่งที่นมแม่มีประโยชน์ มี 4 ประการ และไม่มีนมผงยี่ห้อไหนมี ประกอบด้วย  

1.นมแม่มีหัวน้ำนม ที่เราเรียกว่านมน้ำเหลือง (colostrum) ซึ่งจะไหลออกจากนมแม่ หลังคลอดประมาณ 7 วัน มีสีเหลือง คนโบราณเรียกว่า น้ำนมของเสีย จึงบีบทิ้ง แต่ที่จริง ตรงนี้คือ หัวยอดนม ที่เด็กกินเข้าไปแล้ว ป้องกันไม่ให้เด็กเจ็บป่วย ถือเป็นวัคซีนหยดแรกของชีวิต เพื่อให้ลูกสร้างภูมิคุ้มกัน หัวน้ำนมนี้ มีสารคุ้มกันโรคสารพัด ถือว่า สุดยอดมาก ซึ่งวันนี้ นมผงยังสกัดเอาหัวน้ำนมใส่ลงไปนมตัวเองไม่ได้ นมวัวอาจจะมีน้ำนม แต่ก็ดีสำหรับลูกวัวใช้กับคนไม่ได้ 

2.นมแม่ มีสารอาหารที่พอเหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของลูกในแต่ละคนที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เพราะธรรมชาติจัดสรรมาให้พอดีกับลูกว่า ควรจะมีวิตามีน โปรตีน แร่ธาตุ เท่าไร แต่นมผสม ไม่แน่ใจว่า จะเหมาะกับเด็กทุกๆ คนหรือไม่

3. นมแม่มีสารควบคุมการเจริญเติบโตหรือ Growth Hormone ทำให้เด็กเจริญเติบโตเต็มตามศักยภาพ ควบคุมให้ลูกไม่อ้วน ไม่ผอม จนเกินไป สารนี้ไม่มีในนมผง และนมผงก็เลียนแบบไม่ได้  

4. นมแม่ มีสารแห่งความรัก ที่เรียกว่า Oxytocin และ prolactin หรือ ฮอร์โมนแห่งความรัก เวลาลูกดูดนมแม่ สาร 2 ตัวนี้จะหลั่งออกมาเพื่อจะกระตุ้นให้เด็กเกิดความรู้สึกว่า เขากำลังกินนมแม่อยู่ และจะรักแม่ จะเกิดสายใยเชื่อมโยงกันระหว่างลูกกับแม่ แม่กับลูก เกิดความผูกพัน ทำให้เด็กที่กินนมแม่เป็นเด็กอารมณ์ดี เป็นคนแบ่งปัน รักผู้อื่น ไม่ทำร้ายสังคมระหว่างที่เขาเจริญเติบโต 

นายสง่า กล่าวว่า สารทั้งหมดเป็นสารที่ทำให้นมแม่ต่างจากนมผสม และนมผสมเลียนแบบไม่ได้ ฉะนั้นการที่ทั่วโลกออกมารณรงค์ให้แม่ทั่วโลกเลี้ยงลูกด้วยนมตนเองก็เพราะด้วยเหตุผลนี้ ตรงกันข้าม เด็กที่กินนมผสมในประเทศที่ด้อยพัฒนาต้องระวังมาก โดยเฉพาะเชื้อโรค น้ำที่ล้างขวดนมต้องร้อน แมลงวันมาตอมไม่ได้ ต้องล้างจุกขวดให้ดี น้ำต้องไม่สกปรก เด็กกินเข้าไปก็ท้องเดิน ตามด้วยการเสียชีวิต 

ฉะนั้น นมแม่นอกจากมีประโยชน์ 4 ข้อแล้ว ยังสะอาดออกจากเต้าแม่สู่ปากลูกทันที ไม่ผ่านกระบวนการใดๆ ทั้งสิ้น การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สามารถประหยัดเงินได้ 3,000-4,000 บาทต่อเดือน และยังป้องกันมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านมในผู้หญิง และยังสามารถควบคุมระยะการมีบุตรได้ ฉะนั้น ประโยชน์ของนมแม่มันจึงมหัศจรรย์มาก 

นายสง่า กล่าวว่า ร่างกฎหมายที่กำลังออกมาทำเพื่อเด็กไทย ไม่ได้ทำเพื่อใคร เรากำลังสร้างเด็กไทยเติบโต สูงใหญ่สมวัย พอๆ กับเด็กตะวันตก และกฎหมายนี้ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายธุรกิจใดๆ ทั้งสิ้น แต่ต้องช่วยเด็กไทย เพราะถือเป็นการคุ้มครองสิทธิให้กับเด็ก ซึ่งเด็กไม่สามารถจะลุกขึ้นมาคุ้มครองสิทธิให้ตัวเองได้ ดังนั้นผู้ใหญ่อย่างเราต้องมาคุ้มครองเขา