ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รพ.สวนปรุง คิดค้น “ไอศกรีมสูตรบำรุงสมอง” เพิ่มสารสกัดดอกเก็กฮวย ใบสาระแหน่ และดอกโรสแมรี่ ช่วยเพิ่มความจำและบำรุงร่างกาย ทั้งยังเอาใจคนรักสุขภาพ เน้นใช้ถั่วเหลืองและกลูโคส ลดไขมันและน้ำตาล แคลอรี่ต่ำ ผู้ป่วยเบาหวานกินได้ จดสิทธิบัตรแล้ว เผยอยู่ระหว่างต่อยอดพัฒนา “ลูกอมเปลือกไข่-ถั่วเน่า” ช่วยเสริมแคลเซียม

ภญ.วนิดา พุ่มไพศาลชัย หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม รพ.สวนปรุง จ.ชียงใหม่ กล่าวว่า จากการทำงานด้านสมุนไพรกับงานจิตเวชจึงมีแนวคิดในการนำสมุนไพรมาเป็นอาหารเสริมในรูปแบบของอาหารหรือขนม และมองว่าไอศกรีมเป็นทางเลือกหนึ่ง เพราะเป็นที่นิยมรับประทานอย่างแพร่หลาย หากนำสมุนไพรมาประยุกต์เป็นส่วนประกอบก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งไอศกรีมทั่วไปจะมีแคลอรี่มาก รวมถึงมีส่วนผสมของนมและน้ำตาลค่อนข้างมาก ทำอย่างไรให้ผู้ที่รับประทานได้ประโยชน์ต่อร่างกายบ้าง ดังนั้นจึงได้คิดค้นผลิตไอศกรีมเพื่อสุขภาพ นอกจากส่วนผสมหลักที่ทำด้วยถั่วเหลืองที่ไขมันต่ำแล้ว ยังใช้สารหวานกลูโคสแทนน้ำตาล ซึ่งผู้ป่วยเบาหวานสามารถรับประทานได้ ขณะเดียวกันยังได้ใส่สารสกัดสมุนไพรลงในเนื้อไอศกรีม โดยเน้นสารสกัดจำพวกบำรุงสมอง

เบื้องต้นได้ใช้สารสกัดเครื่องเทศ 3 ชนิด ได้แก่ ดอกเก็กฮวย ใบสาระแหน่ และดอกโรสแมรี่ ที่ช่วยชะลอการเสื่อมและกระตุ้นสร้างเซลสมอง ซึ่งมีงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศยืนยันประสิทธิผล ทั้งยังมีการดูดซึมได้ดี

ในการคิดค้นและผลิตไอศกรีมบำรุงสมองนี้ เราได้ทำมาแล้ว 2-3 ปีและได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันได้ผลิตไอศกรีมเพียง 2 รสชาติ คือ รสนมถั่วเหลืองที่เป็นรสธรรมชาติคล้ายกับรสนม และรสช็อกโกแลต ซึ่งที่ผ่านมาเคยผลิตรสชาติอื่นๆ แต่มีความยุ่งยากและไม่เป็นที่นิยม ประกอบกับเรามีการผลิตจำนวนไม่มาก ครั้งละประมาณ 100 ถ้วยเท่านั้น จำหน่ายเฉพาะใน รพ.สวนปรุง ราคาถ้วยละ 35 บาท ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ “ปลายฟ้า”

“ก่อนหน้านี้สารสกัดที่เราสนใจมาทำไอศกรีมมีหลากหลาย แต่เราต้องเลือกเฉพาะสมุนไพรที่นอกจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ยังต้องไม่รบกวนต่อรสชาติ โดยเราได้มีการปรับไอศกรีมให้มีรสชาติเหมาะสมและรสอร่อย และได้มีการจดสิทธิบัตรแล้ว ที่ผ่านมาได้มีผู้ประกอบการสนใจและติดต่อเพื่อนำไปจำหน่าย แต่ด้วยต้นทุนที่สูงกว่าไอศกรีมทั่วไป และยังมีการผลิตในจำนวนไม่มาก ทำให้ยังไม่สามารถขยายออกไปได้” หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม รพ.สวนปรุง กล่าวและว่า ที่ผ่านมาได้มีการฝึกสอนวิธีทำไอศกรีมให้กับผู้ป่วยในโรงพยาบาล เพื่อเป็นการฝึกอาชีพในการหารายได้เสริมในอนาคตได้ด้วย

ส่วนวิธีการทำไอศกรีมนั้น ภญ.วนิดา กล่าวว่า จะแบ่งส่วนผสมออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนเนื้อครีมซึ่งจะใช้วิปครีม 100 กรัม ต่อน้ำ 150 กรัม และเติมสารทดแทนความหวานเล็กน้อย จากนั้นตีให้เข้ากันด้วยเครื่องผสมอาหาร และอีกส่วนหนึ่งเป็นเนื้อไอศกรีมที่ทำจากถั่วเหลือง โดยจะใช้ผงถั่วเหลืองสำเร็จรูป 25 กรัม ต่อน้ำอุ่นและน้ำปั่นสมุนไพรรวมกัน 200 กรัม โดยนำผงถั่วเหลืองลงไปตีกับน้ำอุ่นตีให้เข้ากัน ทั้งนี้เราสามารถใช้ถั่วเหลืองสดปั่นทดแทนได้ แล้วค่อยเติมใส่สารลดการเกิดเกล็ดน้ำแข็ง 0.3 กรัม และเกลือ 0.2 กรัม ตีให้เข้ากัน จากนั้นให้เทลงในเครื่องผสมอาหารรวมกับวิปครีม ปั่นรวมกันจนเนื้อเข้ากันดีแล้วจึงเทใส่กล่องแล้วนำเข้าแช่ช่องแข็งจนไอศกรีมแข็งตัว นำออกมาขูดเป็นชิ้นเล็กๆ นำลงไปปั่นในเครื่องผสมอาหารอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้เนื้อไอศกรีมเนียนนุ่มและไม่เป็นเกล็ดน้ำแข็ง ซึ่งเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย

ภญ.วนิดา กล่าวว่า นอกจากไอศกรีมบำรุงสมองแล้ว ที่ผ่านมายังได้มีการพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพในรูปแบบต่างๆ อาทิ ลูกอมที่ใส่สารสกัดเปลือกไข่และถั่วเน่าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งรูปแบบรสชาติ เนื่องจากผู้ป่วยจิตเวชที่มีสาเหตุจากการดื่มสุรา ส่วนใหญ่จะมีปัญหาขาดแคลเซียม ซึ่งในเปลือกไข่และถั่วเน่านอกจากมีแคลเซียมอยู่มากแล้ว ยังสามารถดูดซึมเข้าสู่กระดูกได้ดี จึงมีแนวคิดลองทำ แต่รสชาติยังไม่ดีเท่าที่ควร

ขอบคุณภาพจาก Facebook/กูรูเชียงใหม่ เรื่องเชียงใหม่กูรู้