ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ข้าราชการเผยโครงการเบิกจ่ายตรงรักษามะเร็งมียาเพียง 9 รายการ หากมียาใหม่ไม่สามารถใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงได้ ต้องให้ผู้ป่วยสำรองจ่ายไปก่อนแล้วจึงเบิกทีหลัง มีผลทำให้การเข้าถึงการรักษามะเร็งต่ำลง

ผศ.พญ.เอื้อมแข สุขประเสริฐ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า โครงการ OCPA หรือโครงการเบิกจ่ายตรงสำหรับผู้ป่วยสิทธิข้าราชการโรคมะเร็งและโลหิตวิทยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง 9 รายการนั้น หากมีการจัดการที่ดี จะทำให้การเข้าถึงยาได้ถูกต้อง มีการประเมินการรักษา แต่ที่ผ่านมา OCPA มีการอัพเดทน้อยมาก ตั้งแต่ปี 2549 มียาเพียง 6 รายการ ใน 7 กลุ่มโรค ผ่านมา 12 ปี มีการเพิ่มยาเข้ามา 9 รายการ ทั้งนี้ยาใหม่ที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตั้งแต่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป ผู้ป่วยจะไม่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ สิ่งที่เป็นปัญหา คือการเลือกยาเข้าไปในรายกาเป็นลักษณะการเลือกตัวใดตัวหนึ่ง อันนี้เป็นที่เข้าใจได้ในตอนแรกว่าอาจต้องเป็นการบังคับแข่งราคา แต่ที่น่าสนใจคือ เมื่อแข่งกันแล้วราคาไม่ได้แตกต่างกันมาก ก็ควรที่จะให้ยาตัวที่ราคาสมเหตุสมผลเข้ามาได้หลายๆ ชนิด เพื่อให้แพทย์มีทางเลือก เนื่องจากยาแต่ละตัวออกฤทธ์ตำแหน่งเดียวกันจริง แต่โครงสร้างก็ไม่เหมือนกันทำให้ผลข้างเคียงแตกต่างกันไป

ศ.ดร.นพ.พลภัทร โรจน์นครินทร์

ศ.ดร.นพ.พลภัทร โรจน์นครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังทุกโรคมียานวัตกรรมออกมามาก สามารถช่วยยืดอายุคนไข้ได้ น่าเสียดายที่คนไข้ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเข้าถึงยา เนื่องจากมีงบประมาณไม่มากพอ ทั้งนี้ภาคเอกชนและภาครัฐคนที่ต้องจ่ายค่ายาคงต้องมาปรึกษาหารือกันว่าตกลงกันอย่างไรเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยามากกว่านี้ ในฐานะแพทย์อยากให้คนไข้ที่มีความจำเป็นต้องได้รับยาให้สามารถเข้าถึงยา และเล็งเห็นถึงความจำเป็นของคนไข้ในการใช้ยาตามข้อบ่งใช้

นางทิพย์วิภา สุวรรณรัฐ

นางทิพย์วิภา สุวรรณรัฐ กล่าวว่า ในฐานะภรรยาผู้ดูแลนายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือด รู้สึกเป็นห่วงผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งมากเพราะถ้าคนไข้มีอาการแพ้ยา การให้คีโมสำหรับร่างกายจะทรุดลงและถ้ามีการให้อย่างต่อเนื่องผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ จึงได้ปรึกษาคุณหมอเพื่อเข้าสู่การทดลองรักษาด้วยยาใหม่ซึ่งผลที่ได้รับตอบสนองดีกับยาตัวนี้

“ถือเป็นโชคดีที่มียาใหม่ในการรักษาคุณพระนาย สมัยก่อนไม่มียาตัวนี้และไม่รู้จะเป็นอย่างไร โดยส่วนตัวคิดว่าไม่มีใครอยากใช้ยา แต่หากยานี้ดีที่สุดและมีกำลังทรัพย์ทุกคนคงยอม แต่ความเป็นจริงข้าราชการมีเงินเดือนน้อยโดยเฉพาะข้าราชการเกษียณไม่มีกำลังสำรองจ่ายมากๆ ขอให้พิจารณาตามการวินิจฉัยอาการจากคุณหมอถึงความจำเป็นต่อการใช้ยา เพราะถึงอย่างไรรัฐพร้อมที่จะช่วยเหลือ และจะดีมากหากรัฐให้คนไข้ได้สามารถเข้าถึงยาได้เลยโดยไม่ขาดช่วงการรักษา”

เรื่องที่เกี่ยวข้อง