ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย หนุนรองนายกรัฐมนตรี อนุทิน คุมบุหรี่ไฟฟ้า ย้ำอันตราย เผยอาเซียน เห็นด้วยออกมาตรการคุมเข้มงวด

นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ

นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท) กล่าวในการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานด้านสุขภาพเด็กและเยาวชนไทยระหว่างประเทศ ครั้งที่ 2 ระหว่างเยาวชนประเทศไทย กับเยาวชนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ Health Promotion Board (HPB) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ในหัวข้อ “บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า พิษร้ายเยาวชนยุคใหม่” ว่า ประเทศสิงคโปร์ นับเป็นต้นแบบของประเทศที่มีการคุ้มครองสุขภาพของประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งข้อมูลจากปี 2017 พบว่าสิงคโปร์ มีผู้สูบบุหรี่เพียง 350,000 คน ขณะที่มีเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 13-17 ปี สูบบุหรี่เพียง 14,000 คน ซึ่งแนวโน้มการสูบบุหรี่ของสิงคโปร์ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

“สำหรับกรณีบุหรี่ไฟฟ้าที่ประเทศไทยกำลังถกเถียงถึงมาตรการควบคุมและกฎหมายห้ามจำหน่ายและนำเข้านั้น ประเทศสิงคโปร์ก็มีกฎหมายห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าประเภทของเล่น (Toy Cigarettes) ตั้งแต่ปี 1993 และมีกฎหมายห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าทุกประเภทตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งถือว่ามีมาตรการบังคับใช้ก่อนประเทศไทย จากกรณีนี้จึงทำให้เห็นว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็มีกฎหมายควบคุมไม่ต่างจากประเทศอื่น ๆ ส่งผลทำให้ภาพรวมของสุขภาพของประชาชนดีที่สุด” นายพชรพรรษ์ กล่าว

นายพชรพรรษ์ กล่าวต่อว่า จากการประชุมดังกล่าวทางหน่วยงานเยาวชนทั้ง 3 ประเทศ และ Health Promotion Board (HPB) สาธารณรัฐสิงคโปร์ จึงเตรียมผนึกกำลังเพื่อสร้างมาตรการการรับรู้ที่ถูกต้อง และเข้มงวดในด้านกฎหมาย สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย จึงขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาล โดยเฉพาะนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนหยัดมาตรการห้ามนำเข้า และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป

นายสุวรรณณุวงศ์ สุมนตรี

ขณะที่ นายสุวรรณณุวงศ์ สุมนตรี ประธานเยาวชนรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ (Lao Youth Anti smoking) สังกัดกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กล่าวว่า ปัจจุบันในประเทศลาว มีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่เฉลี่ยต่อวัน 13 คน หรือคิดเป็น 4,745 คนต่อปี และเยาวชนมีแนวโน้มใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่ในประเทศลาว มีกฎหมายห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า แต่ผู้สูบกลับเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีความปลอดภัยกว่าบุหรี่ธรรมดา และบางรายเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะเป็นผลิตภัณฑ์ ในการช่วยเลิกบุหรี่ จึงทำให้ตนอดคิดไม่ได้ว่ามีกลุ่มอุตสาหกรรมยาสูบอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่