ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.เผย พบผู้ป่วยโควิด - 19 เพิ่ม 2 ราย ทำงานใกล้ชิดนักท่องเที่ยวจีน 1 ราย อีก 1 รายไม่ได้ทำงานที่ไหน แต่พบคนในครอบครัวเดินทางกลับจากจีน เล็งตรวจแอนติบอดี้คนที่เดินทางกลับจากจีนเพื่อดูว่าติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการหรือไม่ พร้อมปรับเกณฑ์ระวังเพิ่ม คนที่มีสมาชิกในครอบครัวไปพื้นที่เสี่ยง เตือนอย่าเห็นแก่โปรไฟไหม้ เลี่ยงเดินได้ก็ขอให้เลื่อน

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มขึ้น 2 ราย รายแรกเป็นหญิงไทย อายุ 31 ปี อยู่กับบ้านไม่ได้ทำงานที่ไหน พบปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้ ซักประวัติเพิ่มเติมพบประวัติสมาชิกในครอบครัวเดินทางกลับจากเมืองกวางโจว ขณะนี้รักษาอยู่ที่ รพ.ราชวิถี รายที่ 2 เป็นชายไทยอายุ 29 ปี อาชีพทำงานสัมผัสใกล้ชิดนักท่องเที่ยวชาวจีน มาด้วยอาการ ไข้ ไอ รักษาอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนและเก็บตัวอย่างจากผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยทั้ง 2 ราย เพื่อส่งตรวจต่อไป และในบ่ายวันนี้จะนำข้อมูลผู้ป่วยและการสอบสวนโรคเบื้องต้นเข้าสู่การพิจารณาของคณะผู้เชี่ยวชาญ 3 ด้านต่อไปเพื่อพิจารณาโดยละเอียดอีกครั้ง

นพ.สุขุม กล่าวว่า ทำให้ขณะนี้มียอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 37 ราย ในจำนวนนี้รักษาหายเพิ่มอีก 1 ราย รวมรักษาหายกลับบ้านแล้ว 22 ราย ขณะนี้คงเหลือรักษาใน รพ.15 ราย ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.– 24 ก.พ.สะสม 1,580 ราย ให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,160 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาใน รพ. 420 ราย

เมื่อถามว่ารายแรก ไม่ได้ไปจีน แต่คนในครอบครัวเดินทางไปจีนมา ดังนั้นคนที่ไปจีนป่วยหรือไม่ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เมื่อถามย้ำว่า แปลว่าในรายที่ป่วยอาจจะติดเชื้อก่อนญาติกลับมาจากจีนหรือไม่ นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ อย่างไรก็ตามเวลาเจอคนในครอบครัวป่วยไม่ได้แปลว่าคนในครอบครัวจะป่วยทั้งหมด และไม่ได้แปลว่าจะต้องป่วยพร้อมกัน ซึ่งจากประวัติครอบครัวคนจีนที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทยก่อนหน้านี้ก็ป่วยกันทั้งหมด แต่ไม่ได้ป่วยพร้อมกัน ซึ่งก็ต้องสอบสวนกันว่าเป็นการติดเชื้อมาจากที่จีนเอง หรือว่าติดเชื้อกันเองในครอบครัว เพราะฉะนั้นในรายผู้ป่วยรายใหม่ที่เป็นคนไทยนี้เราต้องตรวจติดตามทั้งหมดอยู่แล้ว ทั้งนี้ผู้ป่วยทั้ง 2 คนเป็นผู้ที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่ 2

นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีสถานพยาบาลนั้น กระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการไปตั้งแต่แรกแล้วว่าในการดูแล็บผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจนั้น ต้องมีการระวังตัวเองตามมาตรฐาน ต้องสวมหน้ากากอนามัย สวมถุงมือ เพื่อป้องกันตัวเอง แล้วถ้าเจอคนเสี่ยงมาต้องป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด

ด้าน นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจหาเชื้อคนในครอบครัวของผู้ป่วยหญิงอายุ 31 ปี โดยเฉพาะคนที่เดินทางไปเมืองจีนกลับมานั้นจะต้องมีการตรวจแอนติบอดี้ร่วมด้วยเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการหรือไม่ และจากกรณีนี้ทำให้เราต้องมาพิจารณาปรับเกณฑ์การเฝ้าระวังเพิ่มเติม ในกลุ่มคนที่มีสมาชิกในครอบครัวเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงเพิ่มเติมด้วย ซึ่งตอนนี้โปรไฟไหม้แรงมาก มีคนไปเยอะมาก แต่แนะนำว่าหากเลี่ยงได้ขอให้เลี่ยง ถ้าไปแล้วกลับมาต้องพยายามแยกตัวออกจากผู้อื่น ทราบว่าตอนนี้กระทรวงศึกษาเองมีการออกประกาศมาตรการนี้แล้ว โดยเฉพาะช่วงใกล้สอบไม่ควรไปต่างประเทศ ป่วยไข้หวัดต้องจัดอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง