ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

การต่อสู้การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ต้นมาจนถึงบัดนี้อาจถือเป็นเฟสที่ ๑ อันได้แก่การปิดพื้นที่ทางสังคมเศรษฐกิจเพื่อป้องกันการติดต่อข้ามคน ซึ่งผลก็ยันและยื้อกันอยู่

คำถามก็คือ What's next หรือในช่วง ๒ ควรทำอะไร

ควรทำ ๒ เรื่องใหญ่ คือ

๑. จัดให้มีการทำข้อมูลคุณภาพอย่างเข้มข้นของสถานการณ์การระบาด และสภาวะทางสังคมเศรษฐกิจสังคมของประชาชน เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการพุ่งเป้า คือปฏิบัติการเข้มข้นมากขึ้น ณ เป้าที่มีความเสี่ยงสูง ขณะเดียวกันทยอยเปิดพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อบรรเทาความยากลำบากทางสังคมเศรษฐกิจ

ในการนี้ควรมีกลไกใหม่เพิ่มขึ้น กล่าวคือการที่ภาครัฐทำอยู่แล้วก็ทำต่อไปและพยายามทำให้ดีขึ้น แต่ไม่ควรเป็นกลกาเดียว เพราะอะไรที่เป็นรัฐก็ไม่อิสระ ไม่คล่องตัว และบ่อยครั้งขาดคุณภาพ ควรจะมีกลุ่มอิสระก่อตัวขึ้นประกอบด้วยนักระบาดวิทยาเก่งๆ ร่วมกับนักเศรษฐศาสตร์เก่งๆ และภาคธุรกิจ เป็นคณะทำงานภาคีสนับสนุนการควบคุมการระบาดโควิด-19 และฟื้นฟูสังคมเศรษฐกิจ ทำงานอย่างอิสระ เร็ว และมีคุณภาพ เพื่อสนับสนุนรัฐในการควบคุมโรคให้ได้ผลดียิ่งขึ้น และฟื้นฟูสังคมเศรษฐกิจพร้อมกันไป ควรรวมตัวกันทำเพื่อประเทศอาเซียนทั้งหมดด้วย เพราะถ้าประเทศใดประเทศหนึ่งอ่อนแอ ก็จะเป็นจุดที่ลามเข้าประเทศอื่น

๒. สภาผู้นำภาคธุรกิจเพื่อบรรเทาความยากจนเร่งด่วน ความยากจนและความเหลื่อมล้ำสุดๆ ก่อนโควิด-19 ระบาด โควิด-19 ซ้ำเติมให้ปัญหารุนแรงขึ้น การแก้ปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า คือการจัดการที่ดี การจัดการที่ดีไม่มีในภาครัฐ หรือภาคการศึกษา หรือในภาคประชาสังคม แต่มีในภาคธุรกิจและมีมาก ภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และการเงิน มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และความสามารถในการจัดการจำนวนมาก ท่านเหล่านี้ควรก่อตัวกันขึ้นเอง (Self-organized) เป็น สภาผู้นำภาคธุรกิจเพื่อบรรเทาความยากจนเร่งด่วน ข้อสำคัญต้องเป็นกลุ่มอิสระ รัฐอย่าไปนำ เพราะความเป็นรัฐจะไปจำกัดศักยภาพของเขา ให้เขาใช้ศักยภาพของเขาอย่างเต็มที่ เชื่อว่ากลการนี้จะทำงานได้ผลโดยรวดเร็ว และเป็นกำลังใจให้มีสภาภาคธุรกิจเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (Business Council for Thailand Development) ทำงานในระยะยาวต่อไป ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มสมรรถนะให้ประเทศไทยในเกือบทุกเรื่อง ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อสร้างประเทศไทยยุคใหม่หลังโควิด-19

ผู้เขียน : ประเวศ วะสี