ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

'อนุทิน ชาญวีรกูล' ปาฐกถาเรื่อง “ระบบสุขภาพกับการเมืองไทย” ชี้ไม่เคยเอาเรื่องการเมือง คะแนนเสียงแลกกับชีวิตประชาชน

 

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวปาฐกถาเรื่อง “ระบบสุขภาพกับการเมืองไทย” ว่าเรื่องระบบสุขภาพกับการเมืองไทยจริงๆ แล้วไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไรระหว่างสุขภาพกับการเมือง แต่ถ้าพิจารณาแล้ว การมีสุขภาพที่ดี ที่สมบูรณ์ ก็จะเกี่ยวข้องกับทุกๆ ภารกิจไม่ว่าจะเป็นการเมือง หน้าที่การงาน ครอบครัว หรือสังคม สุขภาพที่ดีคือพื้นฐานที่ดีที่สุดในการพัฒนาทุกภาคส่วนทุกๆ ภารกิจที่มนุษย์พึงมี 

นายอนุทิน กล่าวว่า ตนในฐานะเป็นประธานบอร์ด สปสช. ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้ หากการทำงานมีความผิดพลาด แต่ก็ขอยืนยันว่าตนเข้ามานั่งหัวโต๊ะเพื่อรับฟังทุกคน ขอให้คณะกรรมการทุกคนมีความสบายใจ ว่าการเมืองจะไม่เข้าไปก้าวก่ายการทำงานของทุกท่านในสปสช. การเมืองของตนอยู่ในสภา จะไม่เอาเรื่องสุขภาพ เรื่องระบบสาธารณสุขมาเล่นเกมการเมือง จะไม่เอาความเชื่อของตัวเองแล้วไม่ฟังใคร เพียงเพราะต้องการชื่อเสียง คะแนนเสียง แล้วมาแลกกับสุขภาพของประชาชน ชีวิตของประชาชน 

 

นอกจากนี้ การเมืองยังมีส่วนช่วยในเรื่องการของบประมาณเพื่อประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่าง ตนได้รับการร้องเรียนว่าสปสช.ไม่ได้ไปตรวจเครื่องฉายรังสีมะเร็งที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ขณะนั้นตนก็ยังไม่เข้าใจมาก เพราะคิดว่า เป็นช่วงโควิด-19 ไม่สะดวก แต่ล่าสุดตนได้มีโอกาสลงพื้นที่โรงพยาบาลดังกล่าว พบว่าเครื่องฉายรังสีมะเร็งมีความจำเป็นมาก เนื่องจากประชาชนจำนวนมากมาใช้บริการและพึงพอใจ ตนจึงรีบให้ สปสช.ไปตรวจ และได้สั่งให้เพิ่มจำนวนเครื่องลักษณะดังกล่าวอีก 8 เครื่องทั่วประเทศ จะเห็นได้ว่านี่คือสุขภาพกับการเมืองอย่าไปดูถูกดูแคลนว่าการเมืองเป็นเรื่องลบอย่างเดียว ถ้าราชการไปดูไปของบเอง กว่าจะได้เครื่องฉายรังสีจนครบ 8 เครื่องจะใช้เวลากี่ปี แต่เมื่อการเมืองมาดูและเห็นว่าเป็นประโยชน์กับประชาชนก็สามารถขับเคลื่อนจัดสรรงบประมาณได้เร็วขึ้น แม้จะได้งบจากโควิดก็จะเอางบปกติมาใช้ ทั้งหมดคือการจัดสรรงบเพื่อประชาชนโดยการเมือง ด้วยการได้รับคำแนะนำจากราชการ แต่ไม่ใช่ว่าการเมืองไม่คิดอะไรเลยมีการคิดพิจารณาแล้วว่าหากใช้งบตรงนี้จะก่อประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไร

 

" ระบบสุขภาพหากการเมืองไม่เข้ามาโกงเชื่อว่าระบบสุขภาพก็ไปได้ดี​ โดยเฉพาะผมที่เข้ามาต้องไม่มีการ​ทุจริต ซึ่งขณะนี้สปสช.กำลังตรวจสอบเรื่องการทุจริตอยู่ ซึ่งได้รับการชื่นชม​ ผมไม่ยอมให้โกงโดยเฉพาะคลินิกชุมชนอบอุ่น ผมต้องการเอาผิดให้ได้โดยเร็ว" นายอนุทิน กล่าว

อย่างไรก็ตาม ภารกิจของสปสช.ที่จะต้องทำให้ครอบคลุมคนไทยทุกคน ทุกที่ ไม่มียกเว้น นี่คือนโยบายที่ตนคิดว่าจะมอบเป็นนโยบายการทำงานของสปสช.ในปีต่อไป โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารสปสช.พิจารณาและนำเสนอต่อไป ทั้งนี้ สปสช.ทำงานมาเกือบ 20 ปีมานี้ คิดว่าประสบการณ์และการเข้าใจถึงปัญหาการเข้าระบบสุขภาพของประชาชน วันนี้องค์ความรู้ตรงนี้ไม่ได้เป็นสองรองใครทั่วโลก เรามีระบบ มีพื้นฐานที่ดี แต่เพิ่มการพัฒนาจุดที่ยังเป็นจุดด้อยอยู่ เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มีเอ็นจีโอที่เป็นตัวแทนประชาชนร่วมเป็นกรรมการ มีกระทรวงสาธารณสุขที่คอยป้องกัน รักษา หากมีความเข้าใจการมองไปในทิศทางเดียวกัน ไม่มีทางที่เราจะผิดพลาด มีแต่ทำอะไรก็ดีมากเพื่อพัฒนาระบบสาธารณสุขที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน สังคม เทคโนโลยี 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง