ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อธิบดี สบส. ชี้ชาวกาตาร์ติดโควิดหลังรักษามะเร็งตับในไทย ผ่านการตรวจเชื้อก่อนเข้าประเทศ แต่ไม่พบ ย้ำไม่เคยจงใจรับคนติดเชื้อเข้าปท. ยืนยันมีมาตรการคุมเข้มตั้งแต่สนามบินและกักตัว ล่าสุดมีคนทำเรื่องขอเข้าไทยอีก 673 ราย

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวถึงกรณีชาวกาตาร์ ที่เข้ามารักษาโรคมะเร็งตับในไทยแต่กลับตรวจพบโควิด-19 ว่า การรับคนต่างชาติมารักษาโรคเรื้อรังในไทยนั้นกำหนดว่าต้องตรวจแล็ปหาเชื้อใน 72 ชม. หากปลอดเชื้อถึงให้เข้าไทย ซึ่งรายดังกล่าวก็มีการตรวจแล็ปใน 72 ชม. ซึ่งไม่เจอเชื้อ แต่เมื่อเข้ามาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ก็มีการตรวจสอบซ้ำ ถึงเจอ ขณะนี้ยังไม่มีการแสดงอาการของโรคโควิด ส่วนผู้ติดตามเป็นคนใกล้ชิดในครอบครัว มีการตรวจแล็ปแล้วแต่ไม่เจอเชื้อโควิดแต่อย่างใด ทั้งนี้ จะเห็นว่ามีลักษณะคล้ายกับสเตจ ควอรันทีน ที่เรารับคนไทยกลับมา บางคนตรวจครั้งแรกไม่เจอเชื้อ แต่มาเจอในครั้งหลังๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งระยะฟักตัวของโรค โดยการเจอครั้งนี้เป็นเคสที่ 2 ส่วนรายแรกที่เข้ามารักษาโรคเรื้อรังแล้วตรวจเจอโควิดในภายหลังคือชาวบังคลาเทศ

อย่างไรก็ตาม จากระบบที่เราทำคือผู้คนไข้เข้ามาก็คืออยู่ในระบบปิด มีรถไปรับตั้งแต่สนามบิน และกักตัวในรพ.ตลอด ดังนั้นแม้จะตรวจเจอเชื้อ แต่ก็ถือว่าอยู่ในการควบคุมดูแล ซึ่งขณะนี้กองระบาดวิทยาจะทำการสอบสวนโรคเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเทศนั้นๆ เพื่อทำให้ระบบมีความปลอดภัยมากที่สุด ยืนยันว่าระบบปัจจุบันสามารถจับเชื้อได้ ผู้ป่วยอยู่ในระบบปิด 100% ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย ทั้งนี้จากกรณีดังกล่าวสิ่งที่ต้องมีการทบทวน จากเดิมที่เราเปิดให้ประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำเข้ามาได้ แต่จากนี้อาจจะต้องทบทวนประเทศที่จะอนุญาตให้เข้ามารักษาโรคเรื้อรัง พร้อมดูเรื่องมาตรฐานการตรวจแล็ปด้วย ซึ่งวันนี้การที่เราพบถือว่าน้อย และตอนเข้าผลตรวจก็เป็นลบ ตรงกับแนวทางของประเทศคือไม่ใช่การเอาคนที่มีเชื้ออยู่แล้วเข้ามาในประเทศ

นพ.ธเรศ กล่าวว่า การเปิดให้คนต่างชาติ เข้ามารับการรักษาโรคประจำตัว ที่ไม่ใช่การเข้ามารักษาโรคโควิด พร้อมผู้ติดตามไม่เกิน 3 คน นั้นจะต้องมีการตรวจแล็ปด้วยวิธี RT-PCR ใน 72 ชม.ไม่มีการติดเชื้อ ถึงจะให้เข้ามาในไทย เมื่อเข้ามาแล้วต้องมีการตรวจแล็ปอีก 3 ครั้ง ต้องมีหลักฐานทางการเงินที่แสดงความพร้อมในการจ่ายค่ารักษา มีกรมธรรม์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้ามาแล้วทุกคนต้องกักตัวในรพ.ดังกล่าวเป็นเวลา 14 วัน ถึงแม้จะรักษาโรคเรื้อรังนั้นเสร็จก่อนครบ 14 วัน แต่ก็ต้องอยู่รพ.จนครบตามาตรฐาน 14 วัน หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน , พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และพ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541

ทั้งนี้ตั้งแต่เปิดให้เข้ามาเมื่อปลายเดือน ก.ค. มีคนต่างชาติเข้ามาแล้ว 166 ราย เป็นผู้ป่วย 90 ราย ผู้ติดตาม 76 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน อาเซียน และอาหรับ โดยเข้ามารักษา โรคเรื้อรัง เบาหวาน มะเร็ง กล้ามเนื้อ โรคข้อกระดูก รวมถึงการรักษาโรคมีบุตรยาก เป็นต้น สำหรับวันนี้ (24 ส.ค.) จะเข้ามาอีก 3 ราย ส่วนคนที่ทำเรื่องขอเข้ามาตอนนี้เป็นผู้ป่วย 432 ราย ผู้ติดตาม 250 ราย รวมเป็น 673 ราย สำหรับการเข้าการเข้ามารักษาที่คลินิกนั้นจะต้องมีการจับคู่กับรพ. เพื่อให้เป็นสถานที่กักตัวในระยะเวลา 14 วันด้วย

ด้าน นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศกาตาร์ มีผู้ป่วยรายใหม่วันละประมาณ 200 ราย แต่เป็นอัตราที่ค่อนข้างคงที่ เลยจุดพีคของการระบาดมาเยอะแล้ว ซึ่งรายนี้เข้ามาอยู่ในรพ.ตลอด ถ้ารพ.ปฏิบัติตามมาตรการที่ตกลงกันไว้ ก็ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ ส่วนกรณีคนที่เป็นโรคเรื้อรังแล้วโควิดจะทำให้อาการรุนแรงหรือไม่นั้น ขอตอบในลักษณะทั่วๆ ไป คือโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะกลุ่มหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงกรณีผู้ป่วยที่ต้องรับยาเคมีบำบัด ซึ่งจะทำให้ถูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ จึงมีความเสี่ยงที่โควิดจะทำให้อาการรุนแรงได้

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง : เปิด 6 ขั้นตอนเข้มคนไข้ต่างชาติเข้ารักษาพยาบาลตามนัดในประเทศไทย