ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรค อยู่ระหว่างการพิจารณาปรับรูปแบบการตรวจคัดกรองทุกคนที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย เพิ่มการตรวจเลือดหาระดับภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19 ควบคู่กับการตรวจหาเชื้อ

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โควิด -19 ว่า จากการประเมินสถานการณ์การติดเชื้อโควิด ไทยไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ กว่า 94 วัน ซึ่งจะเห็นว่าการผ่านคลายมาตรการ และกิจกรรมต่างๆ เป็นไปด้วยดี แต่ต้องคงมาตรการควบคุมโรคไว้อย่างเข้มข้น ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า การล้างมือ และสแกนแอปพลิเคชั่นไทยชนะ ทุกครั้งที่ออกมาทำกิจกรรมนอกบ้าน หรือเข้าพื้นที่ที่มีจำนวนผู้คนหนาแน่ เพื่อความปลอดภัย

นพ.โสภณ กล่าวว่า ขณะนี้ทางภาครัฐ มีแนวคิดจะสนับสนุนฟื้นฟูการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อให้ธุรกิจ และเศรษฐกิจ รายได้ในประเทศฟื้นตัวแต่จะยังเป็นการท่องเที่ยวแบบปิด โดยเน้นในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ การระบาดน้อย เข้ามาใช้บริการการแพทย์ ท่องเที่ยว คาดว่าเริ่มในเดือน ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม กรณีวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 4-7 ก.ย.นี้นั้น ขอให้ทุกคนอย่าละเลยการสวมหน้ากากอนามัย หากรู้ตัวมีไข้ขอให้หยุดอยู่บ้าน

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้ากากตรวจสอบซากเชื้อในหญิงไทย 2 รายที่กลับมาจากประเทศดูไบตั้งแต่เดือน มิ.ย. แล้วล่าสุดเพิ่งเข้ารับการตรวจที่รพ.รามาธิบดี ตามที่เป็นข่าวไปนั้น นพ.โสภณ กล่าวว่า จากการตรวจวิเคราะห์ซากเชื้อครั้งล่าสุดพบว่าซากเชื้อนั้นมีความสมบูรณ์แค่ 10% เท่านั้น ไม่สามารถแบ่งตัวได้ ขณะนี้ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านแล้วตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่วนผลการตรวจในคนใกล้ชิดรวมกว่า 40 รายนั้นไม่พบว่ามีการติดเชื้อ และไม่พบว่ามีภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19 แต่อย่างใด ดังนั้นกรณีนี้สรุปได้ว่าโอกาสที่จะติดเชื้อในประเทศไทยนั้นต่ำมาก และมีโอกาสสูงที่จะเป็นการรับเชื้อมาจากต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่าเนื่องจากขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนั้นในจำนวนคนที่เดินทางเข้ามาในไทยจึงอาจจะมีบางคนที่เคยติดเชื้อฯ ร่างกายมีภูมิคุ้มกันแล้ว หรือบางรายที่เจออาจจะเป็นซากเชื้อฯ ดังนั้นไทยจะต้องปรับแผนการตรวจคัดโรค และการกักตัวหรือไม่ นพ.โสภณ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาปรับรูปแบบการตรวจคัดกรองทุกคนที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย โดยเพิ่มการตรวจเลือดหาระดับภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19 ด้วย เป็นการทำควบคู่กับการตรวจหาเชื้อฯ ด้วยวิธีการ RT-PCR ซึ่งการที่พบภูมิคุ้มกันในระดับสูง แปลว่าเคยติดเชื้อมาแล้ว รักษาหายแล้ว ก็อาจจะไม่ต้องถูกกักตัว เมื่อเข้ามาในไทยแล้วสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ แต่ต้องมีผู้ติดตาม ในบางรายหากพบว่ามีภูมิคุ้มกันในระดับต่ำ ก็ยังต้องกักตัวในสถานที่แยกกักของรัฐ แต่ลดระยะเวลาลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้มีหลายประเทศดำเนินการอยู่ และเราจะต้องรอดูและนำมาวิเคราะห์ว่ามีผลอย่างไร มีข้อดีข้อ หรือมีจุดบกพร่องตรงไหนที่เรายังไม่เห็น จึงจะสามารถนำมาวางแผนการในไทยได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์การติดเชื้อซ้ำทั้งในฮ่องกง และประเทศที่มีการระบาดมาก นพ.โสภณ กล่าวว่า เท่าที่มีรายงานพบประมาณ 3 คน จากจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 24 ล้านคน ไม่ถึง 1% แต่สำหรับประเทศไทยถือว่าเสี่ยงน้อย เพราะยังไม่มีการติดเชื้อฯ ครั้งแรกเลย ดังนั้นโอกาสที่จะติดซ้ำฯ จึงถือว่าน้อยมาก

วันนี้เราต้องพิจารณาหลายๆ อย่าง เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้ เศรษฐกิจเดินหน้าได้บาง หากเข้มเกินไปเป็นเวลานานๆ ก็จะทำให้ประชาชนอีกกลุ่ม โดยเฉพาะการท่องเที่ยวมีผลกระทบต่อสุขภาพจิต อาจจะทำร้ายตัวเองได้ อย่างไรก็ตามระบบการแพทย์ไทยวันนี้มีความพร้อมในการดูแล มียาฟาวิพิราเวียร์ในสต็อก 6 แสนเม็ด มีเตียง และไอซียูรองรับ