ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติเห็นชอบหลักการใช้งบ 2,930 ล้านบาท ให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติเจรจาต่างชาติ หวังจองแล้วเสร็จ ต.ค.63 เพื่อได้วัคซีนรองรับ 33 ล้านคน เบื้องต้นบุคลากรทางการแพทย์ได้ก่อนตามหลักการทั่วโลก 

เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุมมีรายงานความคืบหน้าแผนการเร่งรัดการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด -19 สำหรับประชาชนโดยในโครงการพัฒนาวัคซีนต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำ และการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตวัคซีนโควิด-19 โดยจะมีการออกประกาศสถาบันวัคซีนแห่งชาติตามมาตรา 18 ของพ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การจัดหาวัคซีนสำหรับใช้ในประเทศไทยล่วงหน้าครอบคลุมประชากรของประเทศไทย 50% ภายใต้กรอบวงเงิน 2,930 ล้านบาท แบ่งเป็นจากบริษัทผู้ผลิตที่มีความก้าวหน้าการทดลองในมนุษย์ระยะที่ 3 ครอบคลุมประชากร 30% และจองผ่านโครงการโคแว็กซ์ ขององค์การอนามัยโลก ครอบคลุมประชากร 20%

นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ว่า ในวันนี้(5ต.ค.) คณะกรรมการวัคซีนฯ ได้เห็นชอบวิธีการจองวัคซีนโดยการออกประกาศตามมาตรา 18 พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 กรณีมีเหตุจำเป็นเกิดการระบาดโดยรัฐมนตรีว่าการ สธ. ออกประกาศในนามสถาบันวัคซีนฯ เพื่อการจองวัคซีนล่วงหน้า จากนี้สถาบันวัคซีนแห่งชาติจะมีการเจรจากับหน่วยงานต่างๆ ตั้งเป้าเจรจาให้ได้วัคซีน 50% ของประชากร คิดเป็น 33 ล้านคน ใช้งบประมาณในการจองเบื้องต้น 2,900 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการเจรจาให้แล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค. นี้

นพ.นคร กล่าวว่า โดยการเจรจานั้นก็จะมีทั้งหน่วยงานของโคแวกซ์กับอนามัยโลก ในการจัดหาวัคซีนในรูปแบบของการทดลองล่วงหน้าในสัดส่วนประมาณ 20% ของประชากรพร้อมกับทำข้อตกลงกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพที่กำลังทดสอบวัคซีนในระยะที่ 3 ในกรอบประชากร 30% ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 10 บริษัท ทั้งจากของสหรัฐอเมริกา จีน อังกฤษ รัสเซีย ฯลฯ โดยเจรจาตรงนี้เพื่อรองรับการรับวัคซีนในปี 2564

ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อมีการจองและได้รับวัคซีนแล้วนั้น จะมีการคัดเลือกบุคคลได้รับวัคซีนอย่างไร นพ.นคร กล่าวว่า จะมีอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค พิจารณาข้อมูลทางวิชาการว่ากลุ่มไหนจะได้รับในจำนวน 33 ล้านคน ซึ่งเมื่อวัคซีนมาจะไม่ได้มาทีเดียวทั้งหมด แต่จะทยอยมา ซึ่งก็ต้องให้กลุ่มที่ได้รับการพิจารณาก่อน เบื้องต้นบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ด่านหน้า และมีความเสี่ยงรับเชื้อโควิด-19 จะได้รับวัคซีนก่อน ซึ่งตรงนี้เป็นที่ยอมรับของทั่วโลกว่า ต้องให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อก่อน จากนั้นก็จะเป็นไปตามการพิจารณาของอนุกรรมการฯ

เมื่อถามว่าแสดงว่าเบื้องต้นงบประมาณ 2.9 พันล้านเป็นงบการจอง แต่งบในการซื้อวัคซีนจะอีกส่วนหนึ่ง นพ.นคร กล่าวว่า ใช่ ซึ่งหากพิจารณากลุ่มที่จะได้รับวัคซีน 33 ล้านคน โดย 1 คนจะได้รับวัคซีน 2 โดส ก็ประมาณ 66 ล้านโดส แต่เรื่องงบประมาณต้องมีการพิจารณา เพราะต้องอยู่ที่เจรจา อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญต้องมีการเจรจาให้ได้ก่อน เนื่องจากมีหลายประเทศที่ดำเนินการจองเช่นกัน และถ้าเราไม่จองโอกาสที่จะไม่ได้ก็มีสูง เพราะโควิดระบาดไปทั่วโลก