ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ เผยล่าสุดสภากาชาดไทยเก็บพลาสมาจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทยที่รักษาหายแล้ว มีภูมิคุ้มกันโรคมากกว่า 400 ถุง พร้อมนำมาสกัดเป็นเซรุ่นเพื่อใช้ป้องกัน ล่าสุดสกัดได้กว่า 600 ขวดขวดละ 2 ซีซี เพื่อสำรองใช้ยามจำเป็น

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 ตอนหนึ่งว่า จากกรณีที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้มีการเก็บพลาสมาจากผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย และรักษาหายแล้ว มีภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 มากกว่า 400 ถุง ทั้งนี้ เพื่อเตรียมไว้สำหรับรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 นั้น แต่ที่ผ่านมาด้วยความที่กระทรวงสาธารณสุข และประชาชนร่วมมือกันอย่างดีทำให้ไม่มีการระบาดของโควิด-19 ในไทย จึงไม่ได้มีการใช้พลาสมาที่เก็บไว้ อย่างไรก็ตาม เมื่อราวๆ 10 วันที่ผ่านมา ได้มีการนำพลาสมาไปรักษาผู้ป่วย 1 คนใน Alternative state quarantine ที่มีภาวะปอดบวมรุนแรง เป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีอาการปอดบวมรุนแรง มีค่าออกซิเจนในเลือดจะต่ำ จำเป็นต้องให้ออกซิเจนในระดับสูง แต่หลังจากให้พลาสมาทันทีที่เข้ารพ. และให้ 2 ครั้ง ล่าสุดผู้ป่วยอาการดีขึ้น สามารถลดค่าออกซิเจนที่ให้ได้ ทั้งนี้เชื่อว่าผู้ป่วยรายนี้ได้อานิสงส์จากการให้พลาสมาค่อนข้างเร็ว

ศ.นพ.ยง กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สถานบริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยมีความสามารถอีกอย่างหนึ่ง คือสามารถการเอาพลาสมาที่มีภูมิต้านทานโควิด-19 ในระดับสูงไปสกัดทำเป็นเซรุ่มเพื่อใช้ในการป้องกัน และรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้ ขณะนี้แบ่งพลาสมาครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่มาทำเซรุ่มได้ได้จำนวนทั้งหมดมากกว่า 600 ขวด ขวดละ 2 ซีซี เพื่อสำรองไว้ใช้ยามจำเป็น โดยสามารถเก็บไว้ได้นาน 3 ปี แต่หากเป็นพลาสมาจะเก็บไว้ได้นาน 1 ปี ดังนั้นส่วนที่ยังเหลืออยู่หากไม่ได้มีการเอามาใช้ก็จะนำมาสกัดเป็นเซรุ่ม 

ศ.นพ.ยง กล่าวถึงความหวังการมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ใช้ในไทย ว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดี มีแสงสว่าง เพราะมีอย่างน้อย 13 บริษัทที่อยู่ในขั้นตอนการทดลองในมนุษย์ระยะที่ 3 โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2563 กว่าครึ่งหนึ่งในจำนวน 13 บริษัทนี้จะประกาศความสำเร็จของการทดลองและคาดว่าภายในไตรมาส 2 ของปี 2564 จะมีวัคซีนใช้และอาจจะมีการนำเข้ามาใช้ในประเทศไทยแล้ว ซึ่งนอกเหนือจาก 4 บริษัทที่มีการประกาศผลการทดลองมาก่อนหน้านี้ ก็ยังพบว่าล่าสุดมีบริษัทของประเทศจีนที่มีไม่น้อยกว่า 4 ตำรับอยู่ในขั้นการทดลองในมนุษย์ที่คาดว่าจะสำเร็จเช่นกัน ดังนั้น ไทยจะต้องผูกสัมพันธ์กับทุกบริษัท ทุกประเทศที่อยู่ระหว่างการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด เพื่อให้โอกาสในการเข้าถึงวัคซีนของคนไทยเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ในจำนวนที่กล่าวมานี้ ไม่นับรวมกับวัคซีนที่ไทยไปร่วมมือทำข้อตกลงด้วย ซึ่งในส่วนนั้นอาจจะได้มาในไตรมาส 3 ของปี 2564 หรือหมายถึงผลิตได้หลังมิถุนายนเป็นต้นไป

เรื่องที่เกี่ยวข้อง