ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ. กองโรคติดต่อทั่วไปกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าสถานการณ์โรคโควิด-19 ระดับนานาชาติยังมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีรายงานผู้ป่วยรายใหม่มากถึง 7.2 แสน รายทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมทั่วโลก 71 ล้านราย นี่เป็นตัวเลขที่มีการรายงานเข้าระบบ แต่เชื่อว่าที่ไม่ได้รายงานเข้าระบบคาดว่าน่าจะมากกว่านี้ ในจำนวนนี้ มี 15 ประเทศที่มีรายงานผู้ป่วยโควิด-19 มากกว่า 1 ล้านราย แต่มี 5 ประเทศที่มีจำนวนผู้ป่วยมากกว่า 2 ล้านราย อันดับ 1 คือสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้ป่วย 16 ล้านราย รองลงมาคือบราซิล รัสเซีย และฝรั่งเศส ส่วนประเทศไทยสถานการณ์ค่อนข้างคงเดิมคือมีผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อมาจากต่างประเทศเป็นหลักทั้งหมด 4,192 ราย วันนี้มีรายงานหน่วยเพิ่ม 12 ราย มาจากต่างประเทศและอยู่ในที่กักกันทั้งหมด ส่วนอัตราการเสียชีวิตยังคงเดิมที่ 60 ราย ยังเหลือรักษาใน รพ.217 ราย ถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถดูแลได้อย่างดีเพราะมีเตียงเวชภัณฑ์ยารวมทั้งความพร้อมในการดูแลรักษาที่เพียงพอถือว่าไม่เกินขีดความสามารถแต่อย่างใด

นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า สำหรับผลการสอบสวนโรคเพิ่มเติมกรณีบุคลากรการแพทย์ติดเชื้อรายที่ 6 เป็นพยาบาลหญิง อายุ 29 ปี ว่าผู้ป่วยรายนี้เคยเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอยู่แล้ว โดยเหตุการณ์เริ่มจากการพบบุคลากรทางการแพทย์รายที่ 1 ติดเชื้อเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมาและได้รับการรักษาที่รพ.เอกชน จากนั้นทำให้มีการค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำอีกจำนวนหนึ่ง ผลการตรวจเชื้อรอบแรกในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มทั้งหมด 4 รายคือรายที่ 2, 3, 4 และ 5 โดยรายที่ 5 เป็นผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการ เมื่อต่อมาเมื่อมีการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงก็พบบุคลากรทางการแพทย์รายที่ 6 ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 1 ราย ขณะนี้ทุกรายอยู่ในการดูแลของแพทย์อาการน้อยแบบ ไข้หวัด 

ทั้งนี้จากการตรวจสอบย้อนกลับไปประมาณ 5 วันก่อนที่ผู้ป่วยรายแรกจะเริ่มมีอาการป่วยเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. ผู้ป่วยรายที่ 6 ได้รับประทานอาหารเที่ยงกับผู้ป่วยรายที่ 1 และมีการพบกันในช่วงบ่ายระยะห่างไม่เกิน 1 เมตร ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยเนื่องจากเป็นกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ต่อมาวันที่ 4 ธ.ค. ขับรถจักรยานยนต์ไปปฏิบัติงานที่รพ.เอกชน แผนกไอซียู และวันที่ 5 ธ.ค. ได้เข้ารับการตรวจเชื้อที่คลินิกโรคทางเดินหายใจ มีผู้มารอตรวจ 5 ราย ซึ่งเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดของผู้ป่วยรายที่ 1,2 และทุกคนมีการสวมหน้ากากอนามัย จากนั้นเวลา 16.00 น. ระหว่างรอผลตรวจมีการไปซุปเปอร์มาร์เก็ตโดยสวมหน้ากากอนามัยและหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ทราบผลการตรวจว่าไม่ติดเชื้อฯ จึงได้รับคำสั่งให้กักตัวไม่ให้ออกไปไหน ต่อมาวันที่ 8 ธ.ค. เริ่มมีไข้อุณหภูมิ 37.6 องศาเซลเซียส เวลา 10.00 น. มีการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 พบว่ามีการติดเชื้อจึงเข้ารับการรักษาในห้องแยกโรคของรพ.  

นพ.โสภณ กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ป่วยรายที่ 6 จำนวน 10 ราย เป็นเพื่อนร่วมงาน ผลการตรวจครั่งแรกเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ไม่พบเชื้อฯ อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังติดตามอาการเป็นเวลา 14 วัน ส่วนกรณีมีการส่งต่อข้อมูลว่ามีผู้ติดเชื้อในคอนโดซึ่งเป็นที่พักอาศัยของผู้ป่วยรายที่ 6 นั้น ขอชี้แจงว่า เนื่องจากผู้ป่วยรายที่ 6 เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของผู้ป่วยรายแรกจึงอยู่ในการดูแลแต่แรก ระหว่างวันที่ 5-8 ธ.ค. ยังไม่มีอาการ และไม่ได้ไปไหน ถือว่าโอกาสในการแพร่เชื้อต่ำมาก อย่างไรก็ตาม ทางคอนโดฯ ได้ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสทั้งในลิฟท์ โถง ล็อบบี้ ชั้นจอดรถพื้นทางเดินด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อฯ ตรวจวัดไข้รปภ. แม่บ้าน นิติบุคคล แล้วจึงอยากให้ประชาชนสบายใจได้ และย้ำว่าผู้สัมผัสเสี่ยงสูงมีแค่เพื่อนร่วมงาน 10 คน และตอนนี้ตรวจไม่พบเชื้อฯ อย่างไรก็ตามหากประชาชนกังวลก็ขอให้สังเกตตัวเอง 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.หากมีไข้ มีน้ำมูก ไอ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่ได้รับรส สามารถมาขอรับการตรวจได้ที่รพ.ใกล้บ้านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

เมื่อถามถึงการประเมินความเสี่ยงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มจากกลุ่มบุคลากรเหล่านี้ นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับการติดเชื้อในกลุ่มก้อนนี้คาดว่าน่าจะจบที่ 6 ราย แต่ก็ไม่ประมาท เราต้องติดตามต่อเนื่อง 14 วัน