ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

คืบหน้ากรณีบุคลากรทางการแพทย์ติดโควิด จากสถานกักกันทางเลือก ขณะที่คนเดินทางจาก 7 จังหวัดที่มีรายงานผู้ติดเชื้อ ไม่จำเป็นต้องกักตัวแต่อย่างใด ขอให้มั่นใจปลอดภัย ไปท่องเที่ยวได้ หรือสอบถามเพิ่มสายด่วน 1422

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) แถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 ว่า ไทยตรวจพบผู้ติดโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 15 รายเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ทั้งหมด แยกเป็นผู้เดินทางมาจากประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตตส์ 2 ราย ฮ่องกง 1 ราย ฮังการี 1 ราย ฝรั่งเศส 1 ราย สหราชอาณาจักร 2 ราย อินเดีย 2 ราย บาห์เรน 1 ราย อเมริกหา 1 ราย เมียนมา 3 ราย และบราซิล 1 ราย ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ มีเพียง 1 รายที่มีอาการเจ็บคอ ภาพรวมประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อสะสม 4,261 ราย หายแล้ว 3,977 ราย เสียชีวิต 60 ราย บังรักษาตัว 224 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ความคืบหน้าการสอบสวนควบคุมโรคที่เกี่ยวข้องกับกรณีจ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย.- 16 ธ.ค. 2563 (เวลา 08.00 น.) พบผู้ติดเชื้อจำนวน 67 ราย ในจำนวนนี้เป็นการพบเชื้อหลังเข้าอยู่ในสถานที่กักกันในพื้นที่(Local State Quarantine:LQ) 48 ราย มีเพียง 2 รายที่เป็นการติดเชื้อในประเทศ ส่วนที่เหลืออีก 17 ราย เป็นผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติและเดินทางไปใน 7 จังหวัดโดยแต่ละจังหวัดนั้นจะครบระยะเฝ้าระวัง 14 วัน คือ จ.เชียงราย วันที่ 19 ธ.ค.2563เพราะรายที่พบต่อมาเป็นการพบในสถานที่กักกันทั้งสิ้น จ.เชียงใหม่ วันที่ 16 ธ.ค.2563 จ.พะเยา วันที่ 15 ธ.ค.2563 กรุงเทพฯ วันที่ 20 ธ.ค.2563 จ.พิจิตร วันที่ 15 ธ.ค.2563 จ.ราชุบรี วันที่ 16 ธ.ค.2563 และจ.สิงห์บุรี วันที่ 18 ธ.ค.2563

“ส่วนกรณีที่พบบุคลากรทางการแพทย์ 7 รายติดโควิด-19จากการปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่กักกันทางเลือก(Alternative State Quarantine:ASQ)และการใช้ชีวิตประจำวันร่วมกันนั้น กรมควบคุมโรค(คร.)ได้แสดงความเป็นห่วง เพราะจากการไปดูพื้นที่ปรากฎว่าใน ASQ แห่งนั้นมีเชื้อติดอยู่บนลูกบิดประตู ซึ่งเป็นจุดที่มีการสัมผัสกันมาก กลายเป็ความเสี่ยง จึงกำชับว่าในการทำความสะอาดอย่าลืมลูกบิดประตู หรือจุดเสี่ยงที่เป็นจุดสัมผัสร่วมต่างๆ”นพ.ทวีศิลป์กล่าว

ด้านนพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง(สปคม.) กรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า ยังไม่มีการรายงานติดเชื้อในประเทศเพิ่มเติมและกลุ่มก้อนการระบาดในประเทศไทย สำหรับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับจ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และ 7 จังหวัดของประเทศไทยที่มีรายงานผู้ติดเชื้อที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายเดินทางไปนั้น ขอให้มั่นใจว่ามีความปลอดภัย สามารถไปเที่ยวได้ เพียงแต่คงมาตรการในการป้องกันส่วนบุคคล สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ล้างมือบ่อยๆและสแกนไทยชนะ

นพ.วิชาญ กล่าวว่า ผู้ที่เดินทางมาจาก 7 จังหวัดดังกล่าว ทุกคนไม่ได้มีความเสี่ยงกว่าคนอื่น จึงไม่จำเห็นต้องกักตัว สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ อย่างไรก็ตาม ทราบว่ามีการสั่งกักตัวนักเรียน ครู และพนักงานที่เดินทางกลับจากจ.เชียงรายและ เชียงใหม่ ถือเป็นมาตรการเกินความจำเป็น ซึ่งการที่กักตัวอาจส่งผลกระทบต่อการเรียน จิตใจ และกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้มีคำแนะนำให้กักตัวผู้ที่เดินทางจากเชียงราายและเชียงมหม่ ขอให้โรงเรียนและสถานที่ทำงานทบทวนมาตราการดังกล่าว หากมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่สายด่วน 1422”นพ.วิชายกล่าว

นพ.วิชาญ กล่าวด้วยว่า สำหรับความก้าวหน้าการสอบสวนโรคกรณีบุคลาทางการแพทย์ติดเชื้อใน ASQ กทม. ยอดสะสม 7 รายเท่าเดิม ข้อสรุปจากการสอบสวนโรคกลุ่มก้อนนี้เป็นการติดเชื้อจากปฏิบัติงานใน ASQ โดยข้อสันนิษฐาน คือ 1 รายติดเชื้อจากผู้เข้าพักที่เดินทางมาจากต่างประเทศและแพร่กระจายให้กลุ่มเพื่อนที่คลุกคลีนอกเวลางาน แต่ไม่ได้แพร่ต่อไปบุคลากร และเจ้าหน้าที่ASQ อื่นๆ การระบาดของกลุ่มก้อนนี้อยู่เพียงวงจำกัด สถานการณ์ควบคุมได้ และผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทุกรายถูกกักตัวตามมาตรฐาน โดยจะมีการตรวจหาเชื้อ 3 ครั้ง โดยตรวจแล้ว 2 ครั้งไม่พบติดเชื้อเพิ่มเติม

“บทเรียนจากกรณีนี้ได้มีการทบทวนมาตรการต่างๆ โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)ตรวจสอบมาตรฐานและการบริหารจัดการของASQอย่างเคร่งครัด ส่วนรพ.เอกชนคู่สัญญาASQ ทุกแห่งจะจัดให้มีเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบด้านความปลอดภัยของบุคลากรทุกแห่ง เตรียมความพร้อมวัสดุอุปกรณ์ และการป้องกันการติดเชื้อระหว่างปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด”นพ.วิชาญ กล่าว