ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)(ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า

ในวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 309 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 297 ราย แบ่งเป็นตรวจพบในระบบเฝ้าระวังและบริการ 80 ราย และผู้ติดเชื้อจากการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 217 ราย กลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค(Quarantine) 12 ราย ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยรวมสะสม 13,104 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 10,765 ราย จากการคัดกรองเชิงรุก 4,384 ราย รักษาหายแล้ว 10,224 ราย เหลือรักษาอยู่ 2,809 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 71 ราย หากนับผู้ป่วยในรอบใหม่สะสมที่ 8,867 ราย หายป่วยแล้ว 6,284 ราย ยังรักษาอยู่ 2,572 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 10 ราย เสียชีวิตสะสมที่ 11 ราย ทั้งนี้ สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น 660,000 กว่าราย สะสมที่ 98 ล้านราย เสียชีวิตสะสมที่ 2.1 ล้านราย ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 128 ของโลก ส่วนเมียนมาพบผู้ป่วยใหม่ 445 ราย มาเลเซียพบผู้ป่วยใหม่มากกว่า 3 พันราย

ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังและบริการ 80 ราย พบใน สมุทรสาคร 49 ราย กรุงเทพมหานคร(กทม.) 8 ราย ตาก 5 ราย ปทุมธานี 6 ราย นนทบุรี 1 ราย อยุธยา 2 ราย กาญจนบุรี 2 ราย เพชรบุรี 2 ราย ราชบุรี 3 ราย และสมุทรปราการ 2 ราย โดยวันนี้ผู้ป่วยรายใหม่จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชนเพิ่มมากขึ้นถึง 217 ราย พบในสมุทรสาคร 212 ราย และ กทม. 5 ราย ขณะเดียวกัน แผนที่ประเทศไทยที่พบผู้ป่วยยืนยัน ยังอยู่ที่ 63 จังหวัด เมื่อจำแนกรายจังหวัดพบว่าพื้นที่พบผู้ป่วยมากอยู่ในสมุทรสาคร สะสมที่ 5,036 ราย ชลบุรี 648 ราย กทม. 648 ราย ระยอง 572 ราย สมุทรปราการ 321 ราย และ จันทบุรี 220 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผลการประชุม EOC ของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และ ศบค.ชุดเล็ก ได้พูดถึงการค้นหาเชิงรุกใน จ.สมุทรสาคร ที่มีแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเมียนมาอยู่รวมกันมากกว่าแสนราย นอกจากนั้นยังมีแรงงานไทยด้วย มีการวางแผนกันว่าสัปดาห์หน้าจะค้นหาเชิงรุกให้มากขึ้น เพราะบางโรงงานมีแรงงานอยู่มากกว่าหมื่นราย แต่บางแห่งได้รับการตรวจเพียง 4,000 ราย จำเป็นต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติมและแยกกักกันโรคออกมา ฉะนั้น เป็นสิ่งที่เร่งทำก่อนวันที่ 31 มกราคม เพื่อนำตัวเลขมาใช้ในการตัดสินใจปรับมาตรการ ข้อกำหนดว่าจะผ่อนคลายหรือเข้มข้น 

“สัปดาห์หน้าท่านปลัดสธ. ร่วมกับ ศบค.ชุดเล็ก จะมีการวางแผนกัน พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์แต่จะมีการประชุมวางแผนกันที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเช้ามีการมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการเขตสุภาพที่ 5 แบะนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร(นพ.สสจ.) วางแผนในการปูพรมตรวจโรงงานทั้งจังหวัด ตามวิธีทางระบาดวิทยา เพื่อเป็นตัวอย่างที่จะบอกได้ว่ามีการติดเชื้อเท่าไหร่ เพื่อดึงผู้ติดเชื้อออกมา ลดการกระจายของเชื้อโดยเร็ว” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนในกทม. ที่พบผู้ป่วยสะสม 648 รายเท่ากับชลบุรี มีการรายงานว่าเขตบางขุนเทียน ที่ติดกับสมุทรสาคร มีโรงงานเช่นเดียวกัน ดังนั้นความเสี่ยงไม่ต่างกัน ผู้ตรวจราชการกรุงเทพมหานคร รายงานว่าต้องวางแผนสุ่มตรวจเชิงรุกในโรงงานต่างๆ ด้วย โดยจะเจาะเข้าไปใน 4 โรงงานที่มีผู้ป่วยอยู่ก่อนแล้ว และมีอีก 5 เขตที่เกี่ยวข้อง ฉะนั้น จะเห็นตัวเลขของทั้ง 2 จังหวัดออกมาพร้อมๆ กัน ก็อาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง จะต้องติดตามในสัปดาห์หน้า

“การควบคุมโรคตามสถานการณ์ ต้องปรับตามตัวเลขจริงที่นำเสนอ และขอทิ้งท้ายว่า โรคนี้เป็นโรคหนึ่งที่ต้องอยู่กับเรา ดังนั้นทุกคนมีความเสี่ยง ผมเองก็เสี่ยง ฉะนั้นความเสี่ยงเหล่านี้ เราต้องป้องกันตัวเองให้ดี การที่พบกับผู้อื่น ต้องคิดไว้เสมอว่าเขามีโอกาสติดเชื้อ สิ่งที่เราต้องมั่นใจที่สุดคือการสวมหน้ากากป้องกันทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม การล้างมือ เว้นระยะห่างก็มีความสำคัญร่วมด้วย หากติดเชื้อก็รักษา ที่สุดแล้วก็เหมือนวัณโรค ที่แรงกว่าและแพร่ทางอาการ(Air borne) เราก็อยู่กันมานานแล้ว ตั้งแต่ผมเกิดมาก็รู้จัก แต่เราเพิ่งรู้จักโรคนี้มา 1 ปี ก็ต้องอยู่กับเขาให้ได้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว