ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ศบค.เผยที่ประชุมมอบกรมการแพทย์พิจารณาข้อบ่งชี้การให้ยาฟาวิพิราเวียร์ รักษาผู้ป่วยโควิด หลังกทม.เตรียมให้ยาผู้ป่วย รพ.สนามทุกคน หวั่นเชื้อดื้อยา

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 พ.ค. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงกรณีมีคำถามว่า การให้ยาฟาวิพิราเวียร์แก่ผู้ป่วยที่เข้า รพ.สนามในพื้นที่กทม. จะต้องให้ยาทุกคนจริงหรือไม่ ว่า จากข่าวที่ออกมาจากทาง กทม.นั้น ยังมีข้อสังเกตว่า การได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ จำเป็นต้องมีข้อบ่งชี้ หรือเฉพาะกลุ่มจริงๆ จะทำให้ 1.ประหยัด 2.ผลการรักษาจะดี และ3.ให้มากเกินไปอาจดื้อยาได้ เนื่องจากไวรัสเหล่านี้แปรเปลี่ยนได้ ดังนั้น ในเชิงการบริหารยาจำเป็นต้องได้รับความเชี่ยวชาญจากแพทย์ก่อน

“ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (อีโอซี) กระทรวงสาธารณสุข ได้มอบให้ทางกรมการแพทย์ไปพิจารณาเรื่องข้อบ่งชี้ตรงนี้ อย่างไรก็ตาม ยาช่วยทำให้อาการน้อยลง หรือช่วยชีวิตได้ ซึ่งเราก็กำลังพิจารณาอยู่” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ส่วนเรื่องยาที่ยังมีผู้สงสัยว่า จะเพียงพอหรือไม่นั้น ข้อมูลเวลา 12.00 น. วันที่ 3 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา พบปริมาณยาฟาวิพิราเวียร์คงเหลืออีกว่า 1.6 ล้านเม็ด และจะสั่งจากญี่ปุ่นอีก 2 ล้านเม็ดภายในวันที่ 12 พ.ค.นี้ นี่คือความมั่นคงทางยา ซึ่งรัฐบาลเตรียมไว้ให้

นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงกรณีการฉีดวัคซีนโควิด19 ที่ตัวเลขการฉีดวัคซีนจำนวนน้อยนั้น เป็นเพราะเป็นวัคซีนปลายล็อตของซิโนแวค แต่เมื่อวานมีวัคซีนซิโนแวคล็อตใหม่มาอีก 5 แสนโดส ซึ่งปริมาณจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่แปลกตามจำนวนที่เข้ามา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อมูลถึงวันที่ 3 พ.ค. 2564 การให้บริการฉีดวัคซีนโควิด19 ฉีดไปแล้วจำนวน 1,498,617 โดส เข็มที่ 1 ฉีดไปจำนวน 1,106,071 ราย และเข็มที่ 2 ฉีดไปจำนวน 392,546 ราย