ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ. ร่วมกองทัพบก กทม. เครือ รพ.ธนบุรี เร่งปรับโรงพยาบาลสนามมณฑลทหารบกที่ 11 เพื่อรองรับผู้ป่วยหนักสีแดง ผู้ป่วยปานกลางสีเหลืองเข้มและเหลืองอ่อน รวม 186 เตียง ขณะที่ ปลัด สธ.มีคำสั่ง นพ.สสจ. – อสม. คุมเข้มแรงงานเข้าพื้นที่

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่มณฑลทหารบกที่ 11 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยพลตรี ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นพ.สามารถ ถิระศักดิ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.พิชญา นาควัชระ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาล ธนบุรี บำรุงเมือง จำกัด ในเครือ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) ตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการจัดตั้ง ICU สนาม โรงพยาบาลสนามมณฑลทหารบกที่ 11

นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ว่า นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค. จึงได้สั่งการให้ 3 หน่วยงาน คือ กระทรวงสาธารณสุข กทม. และกองทัพบก บูรณาการสรรพกำลัง โดยได้ยกระดับโรงพยาบาลสนามแห่งเดิมเพื่อดูแลผู้ป่วยหนักให้ได้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ มณฑลทหารบกที่ 11 กระทรวงกลาโหม, เครือ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) และกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกันปรับโรงพยาบาลสนามมณฑลทหารบกที่ 11 ซึ่งมีความพร้อมเรื่องอาคารที่มิดชิด สะดวก สบาย มีความปลอดภัย จากเดิมที่รับดูแลผู้ป่วยสีเขียว จะยกระดับให้ดูแลผู้ป่วยหนักได้ 186 คน ภายใน 7 วัน คาดว่าจะเปิดได้ในวันที่ 2 กรกฎาคมนี้

สำหรับการยกระดับโรงพยาบาลสนามแห่งนี้เพื่อดูแลผู้ป่วยหนัก ใช้หลักการเดียวกับโรงพยาบาลบุษราคัม เมืองทองธานี มีห้องแยก เครื่องออกซิเจน High flow ติดตั้งระบบไหลเวียนออกซิเจนสำหรับผู้ป่วย ระบบควบคุม ทีวีวงจรปิด เครื่องมอร์นิเตอร์ติดตามอาการ จัดแพทย์ พยาบาล เครื่องมือแพทย์ที่ได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาลธนบุรี ซึ่งมีประสบการณ์ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม โดยเป็น 2 ชั้น 4 อาคาร มีระบบอากาศความดันลบตามมาตรฐาน ชั้นล่างเป็นเตียงสำหรับผู้ป่วยหนัก สีแดง 58 เตียง เพื่อให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย และชั้น 2 จะเป็นหอผู้ป่วยสีเหลืองเข้มและเหลืองอ่อน 128 เตียง เมื่อผู้ป่วยอาการดีขึ้นเป็นสีเขียวจะส่งต่อไป Hospitel หรือโรงพยาบาลสนาม

“โรงพยาบาลสนามแห่งนี้ เคยใช้ดูแลผู้ป่วยโควิด 19 เกณฑ์สีเขียวมาก่อน แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ก็ต้องปรับให้ทันสถานกาณ์ ล่าสุด เมื่อมีจำนวนผู้ป่วยแสดงอาการมากยิ่งขึ้น ก็ต้องพัฒนาโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ ในการเข้าไปรองรับผู้ป่วยด้วย โดยจะต้องปรับปรุงระบบถ่ายเทอากาศ และระบบดูแลผู้ป่วยแบบ TELEMEDICINE ใช้หลักการเดียวกันกับ โรงพยาบาลบุษราคัม มีห้องความดันลบ ติดตั้งระบบออกซิเจน กล้องวงจรปิด และมีแพทย์ พยาบาล จาก รพ.ธนบุรี เป็นผู้ดูแลผู้ป่วย” นายอนุทิน กล่าว

ขณะที่โรงพยาบาลบุษราคัม ปัจจุบัน ยังมีเตียงจำนวนมาก ไว้รองรับผู้ป่วย ส่วนในอนาคต จะมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ซึ่งมีความสามารถในการรักษาผู้ป่วยระดับสีเหลือถึงสีแดงเพิ่มเติม โดยทางกระทรวงสาธารณสุข ได้การปรับแผนเพื่อรองรับกับสถานการณ์การระบาด

เมื่อถามถึงข้อกังวลจากการปิดแคมป์คนงาน ทำให้แรงงานกลับต่างจังหวัด อาจทำให้เชื้อโควิด 19 แพร่กระจาย นายอนุทิน กล่าวว่า ทางกระทรวงสาธารณสุข ไม่นิ่งนอนใจ โดยเย็นวาน ทางนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีหนังสือถึงนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ให้จับตาประชาชนที่เข้าพื้นที่ ต้องเฝ้าระวัง คัดกรอง และได้ให้ อสม.เข้ามาเป็นกำลังสำคัญ ในภารกิจดังกล่าวแล้ว