ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ที่ประชุมศบค. เผยข้อมูลการติดตามผลจากมาตรการล็อกดาวน์ ควบคุมโรคพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พบมีกลุ่มคนฝ่าฝืน 217 ราย ออกนอกเคหสถาน 158 ราย รวมกลุ่มอีก 59 ราย เล่นไพ่ท้ายกระบะ เตรียมปรับมาตรการเข้มข้นยิ่งขึ้น อาจปิดกิจการ กิจกรรมเพิ่ม! พร้อมให้คณะแพทย์ที่ปรึกษาทบทวนมาตรการสาธารณสุข

เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 16 ก.ค.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงภายหลังการประชุม ศบค. ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาวาระพิเศษเรื่องการติดตามมาตรการ ทั้งส่วนกทม. ปริมณฑล รวม 10 จังหวัด ที่จัดในระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มีการประเมินสถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาด หลังมีการประกาศมาตรการไปแล้ว 5 วัน โดยมีการรายงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและความมั่นคง หรือ ศปม. พบว่ามีการกระทำความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 217 ราย โดยฝ่าฝืนมาตรการห้ามออกนอกเคหะสถาน 158 ราย และฝ่าฝืนห้ามรวมกลุ่มอีก 59 ราย โดยทั้งหมดถูกดำเนินคดีไป 45 ราย ที่เหลือเจ้าหน้าที่พยายามว่ากล่าว ตักเตือน และขอความร่วมมือ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนเจ้าหน้าที่จะเพิ่มความเข้มงวด และขอความร่วมมือประชาชนขอปฏิบัติตามมาตรฐาน ห้ามออกนอกเคหสถาน การห้ามรวมกลุ่ม และการเดินทางข้ามจังหวัด ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงคมนาคม ยังพบว่า ประชาชนยังเดินทางภายในประเทศ โดยยังพบหลังจากประกาศบังคับใช้มาตรการสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนยังเดินทาง ข้ามพื้นที่ในจังหวัดเดียวกัน หรือข้ามจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่ประชุมมีความเป็นห่วงเรื่องนี้ และสอดคล้องกับข้อมูลกรมควบคุมโรค ว่า มีการออกนอกเคหสถาน และยังพบพฤติกรรมรวมกลุ่ม เปิดเล่นไพ่กันท้ายรถกะบะ และขณะรวมกลุ่ม หรือเคลื่อนย้ายการเดินทางก็ไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่เว้นระยะห่าง

“ขอเน้นย้ำว่า พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมืออย่างดีมาก ต้องขอขอบคุณ แต่ยังมีพี่น้องบางกลุ่มไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรการ ยังเห็นรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ศปม. แจ้งว่า ยังมีประชาชน เป็นผู้แจ้งเบาะแส และนำไปสู่การจับกลุ่ม มีการร้องเรียนกิจการ และสถานประกอบการไม่ปฏิบัติการมากถึง 102 ข้อร้องเรียน และเรื่องการมั่วสุม กระทำผิดอีก 92 ข้อร้องเรียน โดยแจ้งมาที่สายด่วน 191 , 1599 และสายด่วนกองบัญชาการกองทัพไทย 1138 ตลอด 24 ชั่วโมง ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ร่วมช่วยกัน มีความเป็นห่วงสถานการณ์” พญ.อภิสมัย กล่าว

“ จากการรายงานดังกล่าว นำมาสู่ข้อสรุปที่ประชุมว่า อาจมีความจำเป็นปรับมาตรการให้เข้มข้นมากขึ้น และต้องปิดกิจการบางอย่าง ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมายังอนุญาตให้เปิดปิดกิจการ กิจกรรมไปจนถึง 20.00 น. เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีเวลากลับบ้าน และออกนอกเคหสถานไม่ได้หลัง 21.00 น. แต่ที่ประชุมพิจารณาว่า อาจต้องปิดให้มากขึ้น ปิดให้มากที่สุด และอาจต้องปรับมาตรการให้เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งขอให้ติดตามการรายงานในเร็วๆนี้” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ผ่านมามาตรการล็อกดาวน์ที่ประกาศไปสัปดาห์ที่แล้ว เป็นการออกมาตรการตามสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบัน เป็นการล็อกดาวน์เป็นพื้นที่ มีการควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเฉพาะ 10 จังหวัด เพื่อให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด แต่เมื่อมีการรายงานการ ทบทวนการใช้มาตรการ 5 วันที่ผ่านมา พบว่าการบังคับใช้มาตรการน่าเป็นห่วงเรื่องนี้ และทางศบค. ขอให้คณะแพทย์ที่ปรึกษามีการทบทวนมาตรการสาธารณสุข เพื่อนำเสนออย่างเร่งด่วน โดยอาจต้องปรับมาตรการเข้มข้นจากนี้ต่อไป