ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ศบค.เผยสถานการณ์โควิดกทม. 80% กลุ่มสีเขียว ขอให้รักษาตามระบบ Home Isolation พร้อมหารือทางออกหลังตรวจ “แอนติเจน เทสต์ คิท” เป็นบวกต้องตรวจซ้ำด้วย RT-PCR แต่หากที่ตรวจไม่ได้ เบื้องต้นขอให้อยู่ศูนย์แยกกักในชุมชน เตรียมหาทางออกอย่างเป็นระบบ ขอให้ติดตามข้อสรุป พร้อมย้ำ! ทุกจังหวัดทั่วประเทศต้องฉีดวัคซีนเข็ม 1 ให้ได้ 50 % หลังตัวเลขเดินช้า

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 26 ก.ค. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19(ศบค.) กล่าวถึงสถานการณ์โควิด 19 ในพื้นที่ กทม. ว่า พื้นที่ กทม. มีรายงานผู้ติดเชื้อ 80 % ยังจัดอยูในกลุ่มอาการสีเขียว ดังนั้น เน้นย้ำอยู่เสมอกลุ่มที่ได้รับผลยืนยันเป็นผู้ติดเชื้อ และประเมินแล้วสีเขียว ขอให้อยู่ที่บ้านและประสานยังช่องทางต่างๆ และหากไปตรวจ รพ.ไหน ขอให้ติดต่อกลับไปรพ.นั้น เพราะหลายหน่วยงาน หลายรพ.สามารถให้บริการ Home Isolation ได้ หรือโทรสายด่วนที่ 1330 กด 14

จากการทำงานของทีมปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 เชิงรุก CCRT (Comprehensive Covid-19 Response Team) ซึ่งเป็นการลงพื้นที่แบบเบ็ดเสร็จ โดยลงพื้นที่ 25 ก.ค. 57 ชุมชน มีผู้รับบริการ 5,325 ราย มีการตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท ( Antigen Test Kit : ATK) ซักประวัติ ถ้าไม่บวกก็จะให้ฉีดวัคซีนด้วย ในจำนวนนี้ได้รับวัคซีน 3,897 ราย เป็นผู้สูงอายุ 1,982 รายโรคประจำตัว 1,903 ราย หญิงตั้งครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ 12 ราย ฉีดวัคซีนสะสมจากส่วนนี้แล้วตั้งแต่ 15-25 ก.ค. 45,977 ราย

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า กรณีที่ประชาชนอาจจะไปตรวจเอง ซึ่งตอนนี้กรมการแพทย์รายงานว่าส่วนหนึ่งประชาชนไปตรวจตามแล็ปเอกชน หรือบริษัท หรือเอ็นจีโอที่หาชุดตรวจนี้ซื้อมาและตรวจเอง ทำให้มีปัญหาว่าเมื่อตรวจแล้วผลบวก อาจจะยังไม่เข้าสู่ระบบการดูแลรักษา ขอชี้แจงว่า ส่วนหนึ่งที่ศบค.ชุดเล็กหารือกัน คือถ้าตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท ผลเป็นบวกจะมีข้อจำกัดว่าเจ้าหน้าที่ขอให้ไปตรวจยืนยันด้วยวิธีมาตรฐานRT-PCRก่อนเข้าศูนย์แยกกักในชุมชน(Community Isolation) ส่วนหนึ่งกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)อธิบายข้อจำกัดความแม่นยำของชุดตรวจนี้ กรณีที่ผลเป็นบวก อาจจะเกิดกรณีที่เป็นผลบวกลวงด้วย จึงขอให้เป็นมาตรฐานต้องตรวจยืนยันด้วย RT-PCRก่อนเสมอที่จะเข้าศูนย์แยกกักในชุมชน(Community Isolation)

“อย่างไรก็ตาม พบว่าเป็นข้อจำกัด เพราะประชาชนหาที่ตรวจไม่ได้ ซึ่งตรวจRT_PCRต้องใช้เวลา 1-2 วันหรืออาจจะนานกว่านั้นก็มีการหารือกันอยู่ ในเบื้องต้นขอให้ศูนย์แยกกักในชุมชน(Community Isolation)รับเข้าไปก่อนถ้าผลบวก เพราะประชาชนอาจจะไม่สามารถแยกตัวที่บ้านได้ เพราะไม่พร้อมหลายๆอย่าง โดยอาจจะแยกจากกลุ่มผู้ป่วยที่อยู่ใน Community Isolationอยู่แล้ว แต่การจะยกเลิกการตรวจยืนยันด้วย RT-PCRไปเลย สธ.มีความเป็นห่วงเพราะแอนติเจน เทสต์ คิท มีความแม่นยำที่จำกัด และขอให้ติดตามฟังผลการประชุม ซึ่งมีหลายหน่วยงานหารือเร่งด่วน”พญ.อภิสมัยกล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า อีกส่วนที่ที่ประชุมหารือ คือ มาตรการการขยายเตียง ซึ่งก่อนหน้านี้ในส่วนของเตียงที่รองรับรพ.หลัก 32 แห่งทั้งรัฐเอกชน ไอซียูสนาม 4 แห่ง รพ.สนาม 7 แห่ง โดยมีการปรับแผนต่อเนื่อง ล่าสุด รพ.บางปะกอก 1 ซึ่งเข้ามาช่วยดูแลประชาชนติดเชื้อในส่วนของCommunity Isolation จะเพิ่มได้อีก 200 เตียงในต้นเดือนส.ค.ที่เขตทุ่งครุ ฮอสพิเทลร่วมกับโรงแรมคินเจริญนคร เขตธนบุรี จะเพิ่มได้อีก 500 เตียง โรงแรมบางกอกซิตี้สวีท เขตราชเทวีอีก 300 เตียง รพ.สนามเพิ่มอีก 140 เตียงในเขตราษฎร์บูรณะ มี สีเหลือง 60 เตียง แดง 30 เตียง เขียว 50 เตียง เปิดในเดือนส.ค.นี้ และปรับหอผู้ป่วยที่มีอยู่อีก 100 เตียงเป็นสีเหลืองรองรับในช่วงก.ย.นี้

รพ.ปิยะเวท กำลังสำรวจพื้นที่รองรับทั้งเหลืองและแดง ทั้งสี่มุมเมือง สุขสวัสดิ์ บางบอน รามอืนทรา รังสิต รวมทั้ง พยายามจะเพิ่มเตียงระดับสีเหลือง แดง เช่นเดียว รพ. มงกุฏวัฒนะ มีแผนเพิ่มเตียงทั้งหมด 3,320 เตียงภายในส.ค. ซึ่งเตียงกลุ่มนี้นอกจากจะบวกไป198 เตียงที่รพ.สนามพลังแผ่นดินแล้ว จะเป็นเตียงระดับที่ดูแลผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ ออกซิเจนไฮโฟลว กลุ่มผู้ป่วยที่อาจจะมีปัญหาไตต้องฟอกเลือก รวมทั้งกลุ่มที่อาจจะต้องมีการผ่าตัดทำคลอด ซึ่งจะเป็นปัญหาในทุกรพ. เพราะถ้าผลตรวจโควิด หลายรพ.ก็จะมีศักยภาพจำกัดในการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะฉุกเฉนต้องการผ่าตัด ทำคลอดตรงนี้รพ.รับที่จะช่วยเปิดให้บริการตรงนี้ด้วย รวมทั้ง รพ.พลังแผ่นดิน 2 หรือพิทักษ์ราชันต์ เปิดเพิ่มอีก 720 เตียง และ รพ.พลังแผ่นดิน3 ชื่อ รพ.ใต้ร่วมพระบารมี เพิ่มอีก 1,800 เตียง และรพ.กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศนยาน เพิ่มจาก 320 เป็น 400 เตียง

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า การฉีดวัคซีนโควิด 19 เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2564 ฉีดเพิ่ม 90,934 โดส ประเทศไทยฉีดสะสมแล้ว 15,960,778 โดส เฉพาะกทม.มีการฉีดเข็มที่ 1 แล้ว 56.24 % ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ปี ฉีดไปแล้ว 54 %กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 70.52 %

ส่วนประเด็นจุดฉีดวัคซีนแออัด เช่น สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งได้รับรายงานว่ามีประชาชนเดินทางจาก จ.ราชบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ที่ได้รับทราบข่าวว่ามีการเปิดwalk in ให้มีการฉีดวัคซีน ตรงนี้ ขอเรียนย้ำว่า สาธารณสุขก็เป็นห่วงเพราะส่วนหนึ่งตอนนี้อยู่ในมาตรการห้ามเคลื่อนย้าย และการเดินทางเข้าออกพื้นที่สีแดงเข้มก็เป็นข้อห้าม แต่การเข้ามาฉีดวัคซีนกเป็นนโยบายเร่งให้ฉีด จึงฝากถึงสถานีกลางบางซื่อที่อาจจะมีการทบทวนในเรื่องของการชะลอ เพราะเห็นในการที่ประชาชนมาจำนวนมาก การจัดระเบียบ เว้นระยะทำได้ค่อนข้างจำกัด ซึ่งที่ประชุมจะหารือเร่งด่วน เพราะยังอนุญาตให้walk inฉีดได้ แต่ให้ประชาชนรับทราบคือมีความแออัดพอควร หากชะลอได้ขอให้ชะลอก่อนในช่วงนี้

“สธ.เน้นย้ำว่าทุกจังหวัดทั่วประเทศจะต้องเน้นฉีดเข็ม 1 ให้ได้ 50 % ซึ่งปัจจุบันตัวเลขเดินช้าพอควร กรมควบคุมโรค(คร.)รายงานว่าในส่วนของจังหวัดอื่นๆ มีการจัดส่งวัคซีนแล้วยังมีวัคซีนค้างอยู่ 2 ล้านโดสโดยประมาณ ขอให้เร่งฉีดด้วย เน้นย้ำเรื่องการจัดการเว้นระยะ และขอให้นัดหมายให้เหมาะสม เพราะเมื่อเปิดให้ walk in แล้วมีความแออัด ไม่สามารถจัดระบบได้อย่างปลอดภัย บางที่อาจจะกลายเป็นจุดที่เกิดการแพร่เชื้อ และขอให้ประชาชนที่จะออกจากบ้าน ติดตามสถานการณ์ของจุดฉีดนั้นๆก่อน”พญ.อภิสมัยกล่าว