ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เผยทั่วโลกยังขาดแคลนวัคซีนโควิด ขณะที่บริษัทวัคซีนต่างศึกษารุ่น 2 รองรับเชื้อกลายพันธุ์ “เบตา”

เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2564 ที่ผ่านมา ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ว่า วัคซีนโควิด-19 ยังไม่พอแน่ พอต้องใช้ถึง 3 เข็ม หลายประเทศรวมถึงไทยก็เริ่มฉีดเข็ม 3 ในขณะที่บางประเทศยังมีเข็ม 1 และ 2 ไม่พอ กำลังการผลิตในปีนี้ที่เคยคาดว่าจะสูง แต่ความจริงก็ไม่ได้สูงตามที่คาดไว้ ก็เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งวัตถุดิบในการผลิต ความล่าช้าของวัคซีนเอง ฉะนั้น สถานการณ์ทั่วโลกถึงปลายปีไปจนถึงปีหน้า ก็ยังขาดแคลน แต่ในส่วนของประเทศไทยน่าจะมีวัคซีนเพียงพอฉีดให้ได้ทุกคน

“แม้กระทั้งโครงการโคแวกซ์ ก็ยังส่งมอบวัคซีนไม่ได้ตามแผน เพราะวัคซีนที่เป็นแหล่งผลิตใหญ่ของโลก เช่น อินเดีย ก็ผลิตได้ไม่เยอะ แถมความต้องการภายในประเทศก็ยังสูง เป็นที่มาว่ายังไงเราก็ต้องจัดหาวัคซีนแบบทวิภาคีไว้ก่อน เพื่อให้เรามีวัคซีนใช้เพียงพอ” นพ.นคร กล่าว

นพ.นคร กล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนโควิดรุ่น 2 คาดว่าอย่างเร็วที่สุดน่าจะได้ในช่วงต้นไตรมาส 2 ของปี 2565 ซึ่งโดยส่วนใหญ่ผู้ผลิตจะพัฒนาเพื่อให้รองรับสายพันธุ์เบต้าที่ดื้อต่อวัคซีนมากกว่าเดลต้า เพียงแต่กระจายโรคได้ช้ากว่า จึงทำให้เดลต้าไปเร็ว อีกอย่างหนึ่งคือ เบต้ามาก่อน อย่างไรก็ตาม หากวัคซีนดูตัวพื้นฐานคือสายพันธุ์อู่ฮั่น ก็ยังรองรับสายพันธุ์อื่นได้ดี ดังนั้นหากทำวัคซีนเฉพาะเจาะจงมาก ก็อาจไม่รองรับสายพันธุ์อื่น จึงต้องทำวัคซีนเพื่อให้รองรับในหลายสายพันธุ์

“เราไล่ตามไม่ทัน เพราะสายพันธุ์ใหม่ยังมี ไม่ว่าจะมิว แลมป์ด้า เราต้องดูว่าตัวที่เรามีอยู่ใช้การได้หรือไม่ ทั้งนี้ หากไม่มีการระบาดใหญ่ๆ โอกาสกลายพันธุ์จะน้อย อย่างอัลฟาก็เกิดที่อังกฤษ แกมม่าเกิดที่บราซิล เบต้าเกิดที่แอฟริกาใต้ เดลตาเกิดที่อินเดีย” นพ.นคร กล่าว