ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"หมอประสิทธิ์" ชี้โควิดสายพันธุ์ B.1.1.529  ต้องระวังเหตุกลายพันธุ์ 32 จุดของสไปร์กโปรตีน หรือโปรตีนชนิดหนาม เผยทุกประเทศต่างเฝ้าระวัง รวมทั้งไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ วิเคราะห์รายละเอียดผู้เดินทางเข้าประเทศที่ติดเชื้อสแกนหาไวรัสนี้ 

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงการพบไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ B.1.1.529 ซึ่งประเทศอังกฤษประกาศจำกัดผู้เดินทางจากประเทศต้นทางที่พบไวรัสดังกล่าว ว่า ไวรัสโควิดตัว B.1.1.529 เป็นที่ต้องเฝ้าติดตามจริง ๆ เนื่องจากมีการกลายพันธุ์มากถึง 32 จุด ที่สำคัญคือส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสไปร์กโปรตีน (Spike protein) หรือโปรตีนส่วนหนาม ซึ่งจะมีผล 2 แบบใหญ่ คือ 1.ทำให้ความรุนแรง แพร่กระจายมากขึ้น เพราะเกิดในตำแหน่งก่อเรื่อง และ 2.จุดที่สร้างสไปร์กโปรตีน เป็นจุดออกแบบวัคซีนเพื่อใช้เป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ดังนั้น หากจุดเหล่านี้เปลี่ยนหน้าตาไป ก็จะเหมือนกับเราจำหน้าตาโจรได้ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเพียงแขน ขา แต่หน้าตาเหมือนเดิม ภูมิต้านทานก็ยังจำได้ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนที่หน้าตา หากเปลี่ยนมากพอ ภูมิคุ้มกันอาจจำหน้าโจรไม่ได้ ก็แปลว่า ไวรัสตัวนี้อาจหลุดจากระบบของวัคซีน ซึ่งที่กล่าวมานี้ยังเป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงยังไม่รู้ว่า 1 กับ 2 จะเกิดหรือไม่ จึงต้องระวังมาก  

ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กำลังวิเคราะห์รายละเอียดผู้เดินทางเข้าประเทศที่ตรวจพบเชื้อ เพื่อหาสายพันธุ์ B.1.1.529 เพราะถึงแม้จะพบสายพันธุ์นี้เพียง 10 ราย จากแอฟริกาใต้ บอสวานา และฮ่องกง แต่ที่ไม่ตรวจยังมีอีกมาก เพราะค่าตรวจหาสายพันธุ์กรรมมีราคาสูง ทั้งที่ จริงๆ มันอาจจะมีอยู่แล้วจำนวนหนึ่งก็ได้ ซึ่งกรณีที่มีหลายๆ ประเทศกำลังระบาดตอนนี้ก็ต้องเฝ้าระวังด้วยว่ามีสายพันธุ์นี้เข้าไปแล้วหรือไม่ หลายประเทศเริ่มตรวจแล้วคาดว่า 2-3 สัปดาห์จะมีข้อมูลมากขึ้นว่าพบที่ประเทศไหนบ้าง และจะไม่แปลกใจถ้าอยู่ ๆ จะบอกว่าเจอ 30-40 ประเทศแล้ว   

“ขณะนี้แต่ละประเทศเฝ้าระวังและจะป้องกันไม่ให้ตัวนี้เข้าไป เพราะถ้ามันหลุดเข้าไป ที่ทำมาทั้งหมดก็ยุ่งเลย อาจไม่ถึงกับที่ทำมาจะเป็นศูนย์ เพราะเรายังไม่รู้ว่ามันหนักหนาแค่ไหน เพียงแต่รู้ว่าถ้าไม่ระวัง แล้วมันหนัก คราวนี้เรื่องใหญ่” ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว และว่า ทั้งนี้ ไม่อยากให้ตื่นตระหนก แต่ต้องเฝ้าระวัง และย้ำเรื่องการฉีดวัคซีนในประเทศไทย แต่ขณะเดียวกัน หน้ากากอนามัยก็ต้องสวมตลอดเวลา ยังต้องเว้นระยะห่าง ล้างมือเช่นเดิม เพราะหากเกิดมีสายพันธุ์นี้เข้ามา แม้วัคซีนอาจได้ผลไม่ดีเท่าเดิม แต่การป้องกัน 3 อย่างนี้ก็ยังได้ผลอยู่

เรื่องที่เกี่ยวข้อง