ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ประจำวันที่ 7 ธันวาคมว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 หลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธ์โอไมครอนในประเทศ ได้สั่งให้ตรวจสอบทุกสถานที่ที่เป็นร้านอาหาร โดยเฉพาะที่เป็นศูนย์การค้าต่างๆ หลังได้รับรายงานว่าบางพื้นที่ไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐาน ขอให้ผู้ที่ไปใช้บริการระมัดระวังตัวเองด้วย ถ้าร้านใดไม่มีมาตรการ Covid Free Setting ก็อย่าไปใช้บริการ

“สิ่งที่อยากจะเตือนคือ สถานให้บริการต้องให้ความสำคัญ เจ้าหน้าที่ให้บริการจะต้องฉีดวัคซีน 2 เข็ม สถานที่ก็ต้องมีช่องว่าง การจัดโต๊ะ จัดเก้าอี้ ก่อนเข้ามีการตรวจอุณหภูมิ ถ้าไม่ทำแล้วเกิดการระบาดอีก ไม่ได้นะ รัฐบาลก็มีมาตรการตรงนี้” นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมครม.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความห่วงใยประชาชนในเรื่องของโรคโควิด-19 หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธ์โอไมครอนในประเทศไทย โดยขอให้มั่นใจว่าประเทศไทยมีความพร้อมทั้งในเรื่องของสถานพยาบาล ระบบเฝ้าระวังคัดกรอง การติดตาม ตรวจสอบ และที่สำคัญมีวัคซีนสามารถที่จะป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต ไวรัสโควิด-19 ยังสามารถกลายพันธ์ได้อีก โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจและขอขอบคุณคณะแพทย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนคนไทย ขอให้ช่วยกันรักษาสถิติการติดเชื้อโควิด-19 ในอัตราที่ต่ำกว่า 4,000 คน และนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่าจะยังไม่มีการล็อกดาวน์

“ท่านนายกฯชี้แจงว่าไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก ต้องดูความพร้อมระบบสาธารณสุขของไทย จะยังไม่มีการล็อกดาวน์ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการแพร่ระบาดว่าจะรุนแรงขยายไปแค่ไหนอย่างไร ขณะนี้สถานการณ์ทั่วไปดีขึ้น ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตก็ลดน้อยลง”นายธนกรกล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า นอกจากนี้ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้เครื่องเล่นสาธารณะต้องเป็นไปตามมาตรฐานเพื่อป้องกันการบาดเจ็บและเสียชีวิตของเด็กในสนามเด็กเล่นรวม 4 ฉบับ กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องเล่นสนามสาธารณะ 4 ชนิดได้แก่ ชิงช้า กระดานลื่น ม้าหมุน และอุปกรณ์โยก ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน สอดคล้องกับการประชุมสมัชชาสุขภาพครั้งที่ 10 เพื่อให้มีหน่วยงานดูแลผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องเล่นสนามสาธารณะดังกล่าวอย่างชัดเจนและเป็นระบบ

ด้าน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าที่ประชุมครม.รับทราบการแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยปัญหาหนึ่งคือการตัดอ้อยไฟไหม้ ที่ผ่านมารัฐบาลได้สร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดส่งโรงงานแทนการตัดอ้อยไฟไหม้ โดยดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรในรอบผลผลิตปี 2563 และ 2564 โดยเกษตรกรที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดีส่งโรงงานจะได้รับความช่วยเหลือในอัตราร้อยละ 20 บาทต่อตัน โดยผลดำเนินงานที่ผ่านมารัฐบาลได้จ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรเสร็จสิ้นไปแล้ว ณ วันที่ 30 กันยายน รวม 5,933 ล้านบาท จากวงเงินโครงการทั้งสิ้น 6,065 ล้านบาท มีเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้ประโยชน์ 122,000 ราย ปริมาณอ้อยสดส่งโรงงานเกือบ 50 ล้านตัน ส่งผลให้พื้นที่เก็บเกี่ยวอ้อยไฟไหม้ลดลงจาก 5.71 ล้านไร่ เหลือ 2.87 ล้านไร่ เท่ากับลดลงไปร้อยละ 23.23

“ท่านนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณทั้งโรงงานอ้อยและเกษตรกรที่ให้ความร่วมมือในเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่วนมาตรการอื่นๆ ในการแก้ปัญหา PM 2.5 และภาวะโลกร้อนก็ยังจะมีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง” น.ส.รัชดาแถลง

 

ภาพ www.thaigov.go.th