ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรคเผยรายละเอียดคลัสเตอร์โควิด “โอไมครอน” พบติดเชื้อจากการเดินทาง ขณะที่ผอ.กองโรคระบาด เผยรัฐมนตรีว่าการ สธ. สั่งการทุกหน่วยงานในสังกัด บริการประชาชนในการตรวจหาโควิดด้วย ATK และ RT-PCR ในช่วงปีใหม่ และให้มีการฉีดวัคซีนที่รพ.ทุกแห่ง รวมถึงเพิ่มการตรวจ ATK ในจังหวัดขนส่งที่มีการเดินทางจำนวนมาก รวมทั้งฉีดวัคซีนสถานีขนส่งต้นทางปลายทาง คาดดำเนินการไม่เกินสัปดาห์หน้า

วันที่  20 ธ.ค.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองโรคระบาด กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โควิดสายพันธุ์โอไมครอน ว่า องค์การอนามัยโลกเผยข้อมูลประเทศติดโอไมครอนล่าสุด 89 ประเทศ ล่าสุดหลายประเทศเริ่มมีมาตรการเพื่อป้องกันสายพันธุ์โอไมครอน ไม่ให้กระจายในวงกว้าง เช่น เยอรมนีมีการชะลอการเดินทางผู้เดินทางจากต่างประเทศ เช่น อังกฤษ ต้องกักตัวเพิ่มเติม หรือเนเธอร์แลนด์สั่งล็อกดาวน์บางธุรกิจช่วงคริสต์มาส – ปีใหม่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยข้อมูลผู้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เมื่อเทียบช่วงเดือนพ.ย. มีผู้เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ 133,061 ราย แบ่งเป็นระบบ Test & Go หากตรวจ RT-PCR แล้วไม่เจอเชื้อสามารถออกไปได้ มีจำนวน 106,211 ราย ส่วน Sandbox อยู่ในพื้นที่จำกัดมีจำนวน 21,438 ราย ส่วน 1-19 ธ.ค. เข้ามา 160,445 ราย เฉพาะ Test & Go เดินทางเข้ามา 138,181 ราย ซึ่งเข้ามาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ 4-5 วันที่ผ่านมาเข้ามาจากหลัก 5-6 พัน ขึ้นเป็นวันละหมื่นราย ส่วน Sandbox จำนวน 18,449 ราย หรือพันกว่ารายต่อวัน

“ผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาทุกราย จะถูกนำส่งตรวจหาสายพันธุ์ โดยโอไมครอนเจอ 1 ใน 4 โดยหากเปรียบเทียบเดือนพ.ย. มีผู้ติดเชื้อในระบบ Test & Go 83 ราย และระบบแซนด์บ็อกซ์(Sand Box) ติดเชื้อ 44 ราย และกักตัว(Quarantine)ทั้งกักตัว 7 วัน 10 วัน และ 14 วัน รวมติดเชื้อ 44 ราย โดยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในเดือน ธ.ค. โดย 19 วันแรกของเดือนธ.ค. พบติดเชื้อ 348 ราย โดยเฉพาะระบบ Test and go พบมากสุด 204 ราย คิดเป็น 2 เท่าที่เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นที่มาต้องพิจารณาเรื่องมาตรการเทสต์แอนด์โกในอนาคต ส่วนแซนด์บ็อกซ์พบ 49 ราย และกักตัวติดเชื้อ 95 ราย” นพ.จักรรัฐ กล่าว

*** กรณีการพบโควิดสายพันธุ์ “โอไมครอน” จากการตรวจเชื้อผู้เดินทางเข้ามานั้น ขณะนี้มีหลายคลัสเตอร์ที่เดินทางเข้ามา

- โดยกรณีแรก ที่เป็นชายสัญชาติอเมริกัน อายุ 35 ปี อาศัยอยู่สเปนเป็นเวลา 1 ปี ไม่มีอาการนั้น ขณะนั้นสงสัยพนักงานเสิร์ฟที่ใกล้ชิดผู้ป่วยรายนี้ สุดท้ายไม่พบเชื้อ ส่วนผู้ป่วยไม่พบเชื้อแล้ว ถือว่าปลอดภัยสำหรับรายนี้

- ส่วนอีกคลัสเตอร์ ที่พบหญิงไทยคนแรกติดเชื้อจากผู้เดินทางเข้ามาในประเทศ เป็นการติดเชื้อจากสามีที่เดินทางมาจากไนจีเรีย โดยเข้าระบบแซนด์บ็อกซ์ ขณะนี้มีการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดอื่นๆ ยังไม่พบเชื้อ และจะมีการรอผลตรวจคนขับแท็กซี่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้(21 ธ.ค.) (ข่าวเกี่ยวข้อง : หญิงไทยติด “โอไมครอน” รายแรกของไทย สัมผัสเชื้อสามีเดินทางมาจากตปท. เคสใกล้ชิดอื่นๆผลเป็นลบ)

- สำหรับคลัสเตอร์ของผู้เดินทางกลับมาจากการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา จากซาอุดิอาระเบีย 3 ราย ที่เดินทางเข้ามาทางภาคใต้ จ.ภูเก็ต โดยการสอบสวนโรคพบว่าวันที่ 13-14 ธ.ค.2564 มีผู้เดินทางกลับมาจากซาอุดิอาระเบียทั้งสิ้น 133 ราย ที่จังหวัดภูเก็ต ในระบบ Test & Go ถือเป็นผู้สัมผัสทั้งหมดตรวจ RT-PCR รอบแรกพบติดเชื้อ 3 ราย ในจำนวนนี้เป็นเชื้อเดลตา 2 ราย เป็นเพศชาย สัญชาติไทย อายุ 48 ปี และหญิงไทยอายุ 40 ปี ส่วนอีก 1 รายพบสายพันธุ์โอไมครอน เป็นชายไทยอายุ 36 ปี โดยมีอาการวันที่ 13 ธ.ค. ปวดศีรษะ คัดจมูก ได้รับวัคซีน 3 เข็ม ซิโนแวค ซิโนแวค และไฟเซอร์ ทั้งนี้ พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 1 ราย (เพื่อร่วมห้องนอนรหว่างทำกิจกรรม) ขณะนี้รักษาตัวที่รพ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี

“โดยรวม 133 รายที่เดินทางเข้ามา พบผู้ติดเชื้อ 3 ราย และสัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 4 ราย โดยจะมีการติดตามอาการจนครบ 14 วัน ในวันที่ 27 ธ.ค. 2564 จึงขอย้ำคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศขอให้สมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาและคิดเสมอว่าคนรอบข้างมีการติดเชื้ออยู่” นพ.จักรรัฐ กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีอีกคลัสเตอร์ เป็นคณะที่ไปซาอุดิอาระเบียเช่นกัน แต่คนละวัน โดยคณะนี้เดินทางมาทั้งหมด 31 คน กลับเข้าในระบบ Test and Go ติดเชื้อโควิค 14 ราย อยู่ระหว่างการตรวจหาสายพันธุ์สงสัยว่าเป็นเชื้อโอไมครอนทั้งหมด ทั้งนี้ วันที่ 19 ธ.ค. ที่ผ่านมามีการติดตามตรวจหาเชื้อเพิ่มเติม ซึ่งพบติดเชื้อเพิ่มอีก 2 ราย รักษาในรพ.อีกจังหวัดหนึ่ง จากนั้นมีการตรวจพบผู้สัมผัสใกล้ชิด ติดเชื้อเพิ่มอีก 2 รายอยู่ระหว่างการดูแลที่ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา

“สรุปคลัสเตอร์นี้ มีการกักตัวใน 3 จังหวัด คือ นนทบุรี กักตัวที่ LQ 6 ราย อยุธยา 4 ราย ปทุมธานีทำโฮมควอรันทีน 3 ราย อีก 2 รายเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงบนเครื่องบิน โดยสรุปในจำนวน 31 ราย ที่เดินทางเข้ามาติดเชื้อทั้งหมด 18 ราย เป็นนนทบุรี 9 ราย ปทุมธานี 2 ราย อยุธยา 4 ราย นครราชสี 1 ราย และกทม. 2 ราย โดยเป็นเฉพาะโอไมครอน 6 ราย แบ่งเป็นนนทบุรี 3 ราย ปทุมธานี 1 ราย อยุธยา 1 ราย และนครราชสีมา 1 ราย” นพ.จักรรัฐ กล่าว

นพ.จักรรัฐ กล่าวอีกว่า รัฐมนตรีว่าการ สธ. สั่งการทุกหน่วยงานในสังกัดสธ. บริการประชาชนในการตรวจหาโควิดด้วย ATK และ RT-PCR ในช่วงปีใหม่ และให้มีการฉีดวัคซีนที่รพ.ทุกแห่ง รวมถึงเพิ่มการตรวจ ATK ในจังหวัดขนส่งที่มีการเดินทางจำนวนมาก หัวเมืองใหญ่ เช่น โคราช เชียงใหม่ และอาจมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดที่สถานีขนส่งต้นทางปลายทาง ที่เป็นสถานีใหญ่ๆ

ผู้สื่อข่าวจะเริ่มวันไหน นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า น่าจะไม่เกินประมาณสัปดาห์หน้า