ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ที่ปรึกษาศบค. เผยปลายเดือนนี้ติดเชื้อถึง 1.7-1.8 หมื่นราย วอนทุกฝ่ายช่วยกันอย่าถึง 2 หมื่นราย  ห่วงไม่อยากให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเยอะเกินไป เพราะถ้ามากสัดส่วนของผู้ป่วยหนักที่ตอนนี้น้อยกว่าเดิม 10 เท่า ก็จะสูงขึ้นเป็นไปตามอัตราส่วน หากป่วยมากทะลุ 2 หมื่นเมื่อไหร่ บุคลากรทางการแพทย์จะเหนื่อยมาก ตอนนี้เริ่มล้า 

เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นว่า ยังอยู่ในความคาดการณ์ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่เคยจัดทำเป็นกราฟ สีเขียว สีส้ม สีดำ ซึ่งตอนนี้กำลังจะขึ้นไปแตะตรงกลางของสีส้มแล้ว ขณะนี้ติดประมาณ 15,000 คน คาดว่าปลายเดือนนี้น่าจะขึ้นไปถึง 17,000-18,000 คน และหวังว่าจะไม่ถึง 20,000 คน จึงขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคนจะต้องช่วยกัน

ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวว่า ทุกคนอึดอัดมา 2 ปี ก็อยากผ่อนคลายและให้เรื่องเศรษฐกิจเดินไปได้ จึงคิดว่ามีปัจจัยที่จะเอื้อ เพราะดูจากตัวเลขผู้เจ็บป่วยรุนแรงน้อยลง เมื่อเทียบกับปีก่อนในช่วงเดือนส.ค.-ก.ย. ที่มีคนเป็นปอดอักเสบในช่วงนั้น 5,000-6,000คน แต่ตอนนี้เหลือ 500 คน คือลดลงไป 10 เท่า ส่วนผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายในช่วงนั้น 500-600 คน ตอนนี้เหลือ 110 คน ลดลง 10 เท่า ตนคิดว่าเป็นข้อดีที่ไม่รุนแรง และอย่างน้อยเราสู้ไหว ด้านสาธารณสุขเราเพียงพอมีกำลัง ระบบทุกอย่าเซ็ตไว้ดีหมดแล้ว

"ตอนนี้เป็นห่วงไม่อยากให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเยอะเกินไป เพราะถ้าตัวเลขเยอะมากสัดส่วนของผู้ป่วยหนักที่ตอนนี้น้อยกว่าเดิม 10 เท่า มันก็จะสูงขึ้นเป็นไปตามอัตราส่วน จึงไม่อยากให้ตัวเลขทะลุถึง 20,000 คน ถ้าถึงเมื่อไหร่ บุคลากรทางการแพทย์จะเหนื่อยมาก ตอนนี้เริ่มล้าแล้ว"" ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าว

นอกจากนี้  ย้ำเรื่องความสำคัญของวัคซีน ซึ่งทั่วโลกมีข้อมูลเหมือนกันว่าขณะนี้ให้เร่งฉีดเข็ม 3 เพราะช่วยป้องกันได้ จากเจ็บป่วยรุนแรง ซึ่งทุกยี่ห้อกันได้ 90% เหมือนกันหมด จึงขอให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ไปฉีดวัคซีน

ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวว่า ขอฝากเรื่องวัคซีนเด็ก ขณะนี้ฉีดได้จำนวนน้อยมาก และผู้ปกครองมีความกังวลมากว่าจะเป็นผลอย่างไรบ้าง เนื่องจากเป็นเชื้อ mRNA แต่เรามีทางเลือกเพิ่มขึ้น คือ วัคซีนเชื้อตาย ได้แก่ ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม แต่ยังมีคนไปฉีดน้อย เพราะอาจกังวลว่ามีประสิทธิภาพพอหรือไม่ ตนคิดว่าแม้ประสิทธิภาพอาจสู้ไม่ได้ แต่เมื่อไปถึงเข็ม 2 เข็ม 3 แล้วสู้ได้ โดยกำลังจะปรับเป็นสูตรไขว้ สธ.ได้ประกาศแล้วว่าฉีดในเด็ก 12 ปีขึ้นไปก่อน แต่เด็กอายุต่ำกว่านั้นยังไม่ไขว้และในอนาคตก็คงต้องไขว้เพราะต้องการให้ภูมิขึ้นเร็ว เริ่มเข็ม 1 ซิโนแวค เข็ม 2 ไฟเซอร์ ภูมิจะขึ้นเร็วไม่ต้องรอนาน

ส่วนที่ผู้ปกครองกังวลเรื่องไฟเซอร์วัคซีนหลักในเด็กถึงเรื่องกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบนั้น ขอยืนยันตามที่มีข้อมูลล่าสุดที่เก็บมาจากทั่วโลกคือเกิดขึ้นจริงแต่เกิดน้อย กลุ่มที่เกิดเยอะที่สุดคือเด็กโต 16-18 ปี ในเด็กผู้ชายมากกว่าในเด็กผู้หญิง เกิดประมาณ 70 ต่อ 1 ล้าน เด็กผู้หญิง 16-18 ปีเกิด 7 ต่อ 1 ล้าน พออายุต่ำลงมาประมาณอายุ 15-17 ปีเกิด 4-5 ต่อ 1 ล้าน ขอให้ไปช่วยกันฉีด ขณะนี้มักจะระบาดในเด็กเพราะในเด็กจะกระจายไปในหลายอวัยวะมากกว่าผู้ที่กระจายไปที่ปอดอย่างเดียว ดังนั้น ขอให้ไปฉีดเพราะผลดีจะมากกว่าผลเสียแน่นอน ขออย่ากังวล