ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก


กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศ กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรการควบคุมกำกับดูแลการประกอบกิจการให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของผู้รับบริการ พ.ศ. 2564 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 12 เมษายน 2565 สนับสนุนหน่วยงานส่วนท้องถิ่นและภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมาย

นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนใช้ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรการควบคุมกำกับดูแลการประกอบกิจการให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านผู้รับบริการ พ.ศ. 2564 ร่วมกับภาคีเครือข่าย ที่ผ่านมา ว่า ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ (Aging Society) คาดว่าในปี 2578 จะมีประชากรผู้สูงอายุสูงถึงร้อยละ 28.55 ของประชากรทั้งประเทศ

ซึ่งขณะนี้พบว่าผู้สูงอายุที่อยู่ลำพังคนเดียว อยู่กับผู้สูงอายุด้วยกัน และกลุ่มผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประกอบกับสมาชิกในครอบครัวส่วนมากทำงานนอกบ้าน ไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้ด้วยตนเอง ส่งผลให้ธุรกิจบริการส่งผู้ดูแลไปดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น เพื่อให้ระบบบริการมีมาตรฐานถูกต้องตามหลักกฎหมาย กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรการควบคุมกำกับดูแลการประกอบกิจการให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของผู้รับบริการ พ.ศ. 2564 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2565 เป็นต้นไป

นายแพทย์เอกชัย กล่าวต่อไปว่า ผลการบังคับใช้ประกาศดังกล่าวหน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่นต้องออกข้อบัญญัติท้องถิ่นควบคุมในการควบคุมกิจการดังกล่าว ตามประกาศ ในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีเจตนารมณ์เพื่อ 1) ควบคุมมาตรฐานของผู้ดำเนินกิจการและผู้ให้บริการ 2) คุ้มครองผู้รับบริการที่เป็นผู้สูงอายุ ให้ได้รับการปกป้อง คุ้มครองตามกฎหมาย มีมาตรการป้องกันอันตรายต่อสุขภาพของผู้สูงอายุได้รับผลกระทบทางสุขภาพ และมีความปลอดภัยจากการรับบริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน และ 3) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหลักเกณฑ์ มาตรการในการควบคุมกำกับดูแลและติดตามการประกอบกิจการให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของผู้รับบริการในเขตพื้นที่ รวมทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานของสถานประกอบกิจการให้มีมาตรฐานเท่าเทียมกัน 

“ทั้งนี้ กรมอนามัยสนับสนุนการดำเนินงานขับเคลื่อนการบังคับใช้ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ ดังกล่าว ในระดับพื้นที่ โดยได้ขอความร่วมมือจากหน่วยงานส่วนท้องถิ่นและภาคีเครือข่าย ได้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้รับผิดชอบงานผู้สูงอายุจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เจ้าพนักงานท้องถิ่น สมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ ในการขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมทั้งการวางแผนการดำเนินงาน เพื่อควบคุม กำกับ ดูแลกิจการในเขตพื้นที่ให้ปฏิบัติถูกต้อง

ซึ่งครอบคลุมทั้งกิจกรรม การกระทำ และการประกอบกิจการประเภทต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งให้อำนาจออกข้อบัญญัติท้องถิ่นกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขทั่วไป ให้ผู้ดำเนินกิจการปฏิบัติเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพหรือสุขลักษณะได้อย่างถูกต้อง” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด