ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"อนุทิน" ลุยงานแรกหลังหายป่วยโควิด19 ลั่นไทยมีระบบคัดกรองผู้ติดเชื้อที่อาจเดินทางเข้าไทย สวนสายพันธุ์  BA.4 /BA.5 มีระบบตรวจทุกสายพันธุ์ ตราบใดที่ยังเป็นโควิด  ย้ำ! ต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นสู้! อย่าคิดว่าฉีด 3 เข็มเพียงพอ ต้องกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ช่วยลดอาการรุนแรงและเสียชีวิต  

เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2565 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเป็นประธานเปิดงาน “Meet & Greet Thailand Moving Together กอด กิน บิน เที่ยว ใช้ชีวิตใกล้ชิดอีกครั้ง”  ซึ่งเป็นการปฏิบัติงานครั้งแรกหลังจากติดโควิดเมื่อช่วงที่ผ่านมา โดยขณะนี้หายดีแล้ว 
นายอนุทิน กล่าวถึงประเทศไทยมีความพร้อมในการเปิดประเทศอย่างไร ขณะที่สถานการณ์การติดเชื้อหลายประเทศพบเพิ่มสูงขึ้น ว่า   ต้องขับเคลื่อนทุกอย่างควบคู่กันไป ส่วนของประเทศไทย ยังเชื่อมั่นว่าระบบการคัดกรองผู้ป่วยที่ติดเชื้อ และการให้การรักษาพยาบาล ดูแล ป้องกันยังมีประสิทธิภาพที่สูงอยู่ มาตรการต่างๆที่ได้ผ่อนคลายเพื่อให้เกิดความสะดวกสูงสุด ทำโดยการประเมินจากสถานการณ์และความพร้อมด้านระบบสาธารณสุชและบริการต่างๆ ประเทศต้องเดินไปแบบนี้  ซึ่งประเทศไทยยังได้รับความร่วมมือและความตระหนักจากประชาชน อยู่ระดับสูงกว่าประเทศทั่วโลกอื่นๆ  

         
“ ในยุโรป หน้ากากอนามัยขายไม่ออกแล้ว ไม่มีการใส่หน้ากากอนามัย แม้มีการติดเชื้ออย่างมากมาย ก็อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ มั่นใจในเรื่องของความรุนแรงของโรค เวชภัณฑ์ที่ประเทศมีอยู่  ซึ่งประเทศไทยก็เช่นกัน มั่นใจว่ามีศักยภาพเพียงพอในการที่จะให้การดูแล รักษาผู้ติดเชื้อได้ เพราะฉะนั้น จะพยายามทุกอย่างให้ได้ขับเคลื่อนไป โดยไม่เกิดสิ่งที่เป็นอันตรายบต่อสุขภาพประชาชนให้มากที่สุด”นายอนุทินกล่าว  

      
เมื่อถามว่าการระบาดของสายพันธุ์ BA.4 /BA.5 กระทบต่อการเดินหน้าเปิดประเทศหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มันคือโควิด19 ซึ่งเวลามีมาตรการป้องกันก็จะดำเนินการในทุกสายพันธุ์ ตราบใดที่ยังเป็นโควิดอยู่ ยังอยู่ในกรอบของการให้การดูแลและควบคุมสถานการณ์ วัคซีนที่ฉีดยังมีประสิทธิผลในการที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรงและเสียชีวิต ซึ่งเป็นเป้าหมายในการดำเนินงาน
       
ต่อข้อถาม สธ.มีแผนรองรับแนวโน้มการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน เข็มกระตุ้น อย่าไปคิดว่า 3 เข็มแล้วพอแล้วหรือตอนนี้เชื้อไม่รุนแรงมากแล้วไม่ฉีด ซึ่งสธ.ยังยืนยันว่าการฉัดวัคซีนเข็มกระตุ้น จะก่อให้เกิดความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการที่จะลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ  แม้ไม่ 100 % แต่ความเสี่ยงป่วยหนักและเสียชีวิตประสิทธิภาพสูงมาก 

     
ผู้สื่อข่าวถามว่า สธ.มีการประเมินปัจจัยที่จะทำให้ต้องเพิ่มมาตรการอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า  ด้านการติดเชื้อคงไม่ให้น้ำหนักมากนัก แต่การประเมินผู้ป่วยอาการหนักและใช้เครื่องช่วยหายใจ ต้องใช้บริการทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด รวมถึง ผู้เสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่เป็นสถานการณ์ทั่วไป อยู่ในสภาพที่ควบคุมได้ ตราบใดที่จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยหนักยังอยู่สภาพควบคุมได้ คงต้องดำเนินการมาตรการต่อไป ในด้านมิติป้องกันรักษามีความพร้อมในเรื่องวัคซีนที่เพียงพอ แต่คนมาฉีดต้องให้มากกว่านี้โดยเฉพาะเข็มกระตุ้น เรื่องยา แพทย์ สถานพยาบาล เตียง เครื่องมือทางการแพทย์มีความพร้อมมาก มั่นใจว่าถ้ามีผู้ป่วยมากขึ้นสามารองรับได้ ขอให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นถ้วนหน้า  

        
“ช่วงนี้ของปีที่แล้ว ที่ประชาชนยังไม่ได้รับวัคซีน การติดเชื้อแตกต่างกันจากปัจจุบันอย่างเห็นชัด แสดงว่าวัคซีนทำงานตามหน้าที่ของเขาอยู่ เมื่อมีการฉีดเข็มกระตุ้นมากขึ้น แม้ผู้ติดเชื้อไม่ลดลง ด้วยการกลายพันธุ์ของเชื้อ แต่ความรุนแรงเชื้อโรคนี้ไม่สามารถทำร้ายผู้ที่ติดเชื้อให้มีการเสียชีวิต หรือเจ็บป่วยหนักได้” นายอนุทินกล่าว  
       
ถามถึงการให้บริการท่องเที่ยวของประเทศไทยหลังจากนี้จะมีการปรับมาตรการอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า จะต้องเป็นการให้บริการที่เป็นมาตรฐาน ต้องไม่เอาง่ายเข้าว่า ต้องไม่งก ถ้าคิดค่าบริการจากลูกค้า ต้องให้บริการที่ดีที่สุด อาหาร วัตถุดิบต้องมีคุณภาพ ไม่ใช่คิดแต่ลดต้นทุน แล้วเก็บราคาเท่าเดิม  นักท่องเที่ยวก็จะมาเที่ยวเดียว แต่ถ้าให้บริการเต็มที่อยู่ในมาตรฐาน และคุณภาพ ก็จะสามารถเพิ่มมูลค่าได้ ซึ่งหากคิดราคาถูก คนมามาก แต่รายได้เท่าเดิมกลับเป็นการเพิ่มงานมากขึ้น เพราฉะนั้น ผู้ประกอบการทราบดี  ต่อไปนี้เน้นคุณภาพของบริการ มีความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค ลูกค้า ทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าในบริบทต่างๆของการประกอบธุรกิจได้ 
 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org