ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แพทย์รามาฯ สนับสนุน คกก.ควบคุมยาสูบชาติ ยืนยันแบนบุหรี่ไฟฟ้า ผลวิจัย ม.ฮาร์วาร์ด ชี้วัยรุ่นสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มไปสูบกัญชาไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 4 เท่า

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 65  รศ.ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยข้อมูลงานวิจัยโดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ JAMA Pediatrics งานวิจัยได้รวบรวมผลการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการสูบบุหรี่ไฟฟ้ากับการสูบกัญชาของวัยรุ่น จำนวน 21 ชิ้น จากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ กรีซ รัสเซีย โดยมีกลุ่มประชากรที่ศึกษา 128, 227 ราย ผลการศึกษาพบว่า วัยรุ่นที่มีประวัติสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะสูบกัญชาเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับวัยรุ่นที่ไม่เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้าถึง 3.5 เท่า และคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าหากสูบเมื่ออายุยิ่งน้อย ยิ่งมีแนวโน้มที่จะไปสูบกัญชามากกว่าคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเมื่ออายุมากกว่า เช่น วัยรุ่นอายุ 12-17 ปี ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มสูบกัญชาเพิ่มขึ้นถึง 4.3 เท่า แต่วัยรุ่นอายุ 18-24 ปี ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า มีแนวโน้มสูบกัญชาเพิ่ม 2.3 เท่า

“วัยรุ่นที่อายุยังน้อย สมองยังเติบโตไม่เต็มที่ ยิ่งเสี่ยงต่อการใช้สารเสพติดและเกิดการเสพติดได้มากกว่าผู้ใหญ่ ทั้งนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นสารเสพติดรุนแรงและกัญชา ส่งผลโดยตรงต่อระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับความสุขและการให้รางวัล (pleasure and reward system) และทำให้สมองไวต่อสารออกฤทธิ์ทางจิตอื่น ๆ เพิ่มขึ้นในระยะยาว เพิ่มความเสี่ยงต่อพฤติกรรมการติดสิ่งเสพติดแบบต่าง ๆ เมื่ออายุเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ พบว่าวัยรุ่นที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มสูงที่จะนำกัญชาไปใช้สูบกับบุหรี่ไฟฟ้า เช่น สหรัฐฯ ที่มีการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในวัยรุ่นพบว่า อัตราการสูบกัญชาไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 9.5% ในปี  2560 เป็น 22.1% ในปี 2563 และมีรายงานว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของวัยรุ่นที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจะสูบกัญชาไฟฟ้าด้วย” รศ.ดร.พญ.เริงฤดี กล่าว

รศ.ดร.พญ.เริงฤดี กล่าวต่อว่า ปัจจุบันไทยมีการปลดล็อกกัญชาและมีรายงานข่าวว่ามีวัยรุ่นเริ่มมีการนำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิด เช่น นำน้ำยากัญชามาสูบกับบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ซึ่งในสหรัฐฯ มีรายงานผู้ป่วยโรคปอดอักเสบรุนแรงเฉียบพลันจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า หรือ E-cigarette, or vaping, product use-associated lung injury (EVALI) ระหว่างปี 2562-2563 จำนวน 2,807 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตถึง 68 ราย จากข้อมูลของผู้ป่วยเหล่านี้พบว่า 82% ใช้สารสกัดกัญชา หรือ tetrahydrocannabinol (THC) และวิตามินอีอะซิเตตกับบุหรี่ไฟฟ้า เรื่องนี้แม้จะเคยมีการนำเสนอข่าวไปพอสมควร แต่พบว่ายังมีคนไม่รู้อีกมาก จึงจำเป็นต้องช่วยกันให้ข้อมูลแก่เด็กและวัยรุ่น รวมถึงสื่อสารถึงผู้ปกครอง 

“เห็นด้วยกับมติของคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติที่รับข้อสั่งการของท่านนายกรัฐมนตรีที่ให้ประเทศไทยคงการแบนบุหรี่ไฟฟ้าและให้กระทรวงดีอีเอสและตำรวจเร่งปราบปรามการซื้อขายอย่างผิดกฎหมายโดยเฉพาะทางออนไลน์ เพื่อปกป้องสุขภาพของเด็กและวัยรุ่น เพราะบุหรี่ไฟฟ้านอกจากทำลายสมองและสุขภาพแล้ว ยังเป็นต้นทางไปสู่การเสพติดชนิดอื่น ๆ ด้วย” โดย รศ.ดร.พญ.เริงฤดี กล่าว 

อ้างอิง
Association Between Electronic Cigarette Use and Marijuana Use Among Adolescents and Young Adults: https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/31403684/ 
Use of Electronic Cigarettes Among Cannabis-Naive Adolescents and Its Association With Future Cannabis Use: https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/35867059/ 
Outbreak of Lung Injury Associated with the Use of E-Cigarette, or Vaping, Products: https://www.cdc.gov/tobacco/basic_information/e-cigarettes/severe-lung-disease.html#epi-chart