ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สบส.เตรียมเสนอรัฐมนตรีว่าการ สธ.ออกประกาศยกเลิกระบบรักษา Hospitel  และ Hotel Isolation เริ่ม 1 ก.ย.65 ปรับสอดคล้องกับสถานการณ์ ส่วน สปสช. เตรียมระบบรองรับพื้นที่ กทม. ประสานผู้ติดเชื้อเข้ารักษา OPSI และ HI  พร้อมหารือกรุงเทพมหานคร จัดตั้งตู้คีออส บริการผู้ติดเชื้อแจ้งข้อมูลปรึกษาแพทย์ผ่านตู้อัตโนมัติ

 

เมื่อวันที่ 10 ส.ค.2565  นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์  อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)  กล่าวถึงกรณีการพิจารณายกเลิกระบบการรักษา  Hospitel  และ Hotel Isolation  ว่า  เมื่อสถานการณ์การระบาดโควิดพ้นจากการระบาดใหญ่ ขณะนี้จึงมีการพิจารณายกเลิกระบบ Hospitel  และ Hotel Isolation  เบื้องต้นคาดว่าจะยกเลิกวันที่ 1 ก.ย.2565  ซึ่งกำลังดำเนินการและเสนอต่อท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อออกเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุขต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า การยกเลิกฮอสพิเทล และ Hotel Isolation  ในขณะที่ผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกทม. จะกระทบหรือไม่  นพ.ธเรศ กล่าวว่า ได้มีการสำรวจเมื่อช่วงต้นเดือน ส.ค.2565 พบว่า  Hospitel เหลืออยู่ 11 แห่งจากช่วงแรกๆ มี 79 แห่ง และขณะนี้เหลือเตียงอยู่ 3,220 เตียง ส่วน Hotel Isolation เหลือ 6 แห่ง จากช่วงแรกๆ 31 แห่ง และเหลือเตียงอยู่ 1,500 เตียง ซึ่งเห็นว่า Supply ลดลง และขณะนี้ยังมีระบบการรักษาแบบ OPSI  หรือผู้ป่วยนอก และระบบการรักษาแบบ Home Isolation หรือ HI มารองรับ

ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)  กล่าวถึงการเตรียมพร้อมในพื้นที่กทม. และปริมณฑล เมื่อยกเลิกระบบการรักษา Hospitel  และ Hotel Isolation ว่า จริงๆ ไม่ว่าจะมีประกาศอะไรออกมา ทางสปสช.พร้อมรับนโยบายต่างๆ เนื่องจากเราเป็นหน่วยงานสนับสนุน เป็นกลไกในการเบิกจ่ายเงิน ซึ่งหากผู้ติดเชื้อโควิดเข้ารับบริการแบบใด ทางสปสช.ก็ไปเบิกจ่ายได้ในส่วนของผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพฯ หรือบัตรทอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า สปสช.มั่นใจหรือไม่ว่าจะมีระบบรองรับการประสานรับบริการรักษาโควิด เมื่อผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ขณะที่จะมีการยกเลิกฮอสพิเทล และ Hotel Isolation  นพ.จเด็จ กล่าวว่า เรามีระบบในการประสานข้อมูลการรักษาให้ผ่านสายด่วน 1330 แต่จริงๆ สามารถเดินไปยังสถานพยาบาลได้ทุกแห่งในการรับบริการรักษาแบบผู้ป่วยนอก หรือ OPSI  หรือหากแพทย์ในสถานพยาบาลนั้นๆประเมินว่าต้องทำ HI ก็สามารถทำได้ทันที และหากเป็นสิทธิบัตรทอง ทางสปสช.จะเบิกจ่ายให้ ซึ่งเป็นระบบหลังบ้าน แต่ประชาชนไม่ต้องกังวลอะไร หากรับบริการตามสิทธิ์ตามระบบของรัฐไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าหากติดโควิดสามารถโทร 1330 เฉพาะบัตรทองหรือไม่ นพ.จเด็จ กล่าวว่า ปัจจุบันสปสช.รับประสานให้ทุกสิทธิ์ ทั้งบัตรทอง ประกันสังคม และข้าราชการ ที่สำคัญขณะนี้ สปสช.ยังร่วมกับผู้ให้บริการ Telemedicine เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยโควิด19 เป็นอีกช่องทางเช่นกัน

ด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช.  และโฆษก สปสช. กล่าวว่า สปสช.มีระบบรองรับผู้ติดโควิดที่ประสานเข้ามาเพื่อขอรับบริการรักษา นอกเหนือจากการเดินทางไปยังสถานพยาบาลเองเพื่อรับบริการแบบผู้ป่วยนอก โดยสปสช.มีทั้งสายด่วน 1330 และมีระบบ Teleheath/Telemedicine ซึ่งร่วมกับผู้ให้บริการ 3 บริษัท ทั้ง บริษัท กู๊ด ด็อกเตอร์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการ Good Doctor Technology แอปพลิเคชัน และ ทรู เฮลท์ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน MorDee (หมอดี) รวมถึง บริษัท คลิกนิก เฮลท์ จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่น คลิกนิก (Clicknic) ซึ่งปัจจุบันรองรับผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง และสิทธิสวัสดิการข้ารากชาร

 “ล่าสุดสปสช.ยังได้หารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร ในการพัฒนาและจัดตั้งตู้คีออส  (Kiosk)  ซึ่งเป็นตู้อัตโนมัติให้ผู้ติดเชื้อโควิดสามารถปรึกษาแพทย์ได้ เบื้องต้นจะจัดตั้งในกทม.บริเวรห้างสรรพสินค้า และในชุมชน อยู่ระหว่างดำเนินการ เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อในกทม.ให้มีความสะดวกในการรับบริการมากขึ้น” ทพ.อรรถพร กล่าว

 

 *สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org