ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"อนุทิน" สรุปผลประชุม  APEC Health Week แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมแระเทศสมาชิก ส่วนวัคซีนโควิดต้องแบ่งปันกัน ขณะที่การถอดหน้ากากอนามัยในไทยค่อยๆลดระดับ ส่วนสิงคโปร์ประกาศถอดแมสก์ 29 ส.ค.นี้

 

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลการหารือร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกในการประชุม APEC Health Week ว่า ในที่ประชุมได้มีการหารือและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านสุขภาพ โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด-19 อาทิ แนวทางการเปิดพรมแดนระหว่างประเทศหลังการระบาดของโควิด-19  อย่างกรณีที่ต่างประเทศเริ่มให้ถอดหน้ากากอนามัย เช่น สิงคโปร์ ในวันที่ 29 ส.ค. ก็จะประกาศให้ถอดหน้ากากอนามัยได้แล้ว เว้นแต่จะอยู่ในโรงพยาบาล ขนส่งสาธารณะ แต่ในการประชุมเอเปคครั้งนี้ ทางผู้นำต่างประเทศชื่นชมประเทศไทยที่ยังให้ความร่วมมือใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งการใส่หน้ากากอนามัยในประเทศไทยเราก็ลดระดับมาเรื่อยๆ ไม่ได้มีกฎหมายบังคับ แต่ให้ประชาชนพิจารณาตามความเสี่ยงของตนเอง เมื่อสวมหน้ากากอนามัยก็ป้องกันตนเองจากโรคอื่นได้ด้วย

 

นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนการเปิดพรมแดน ตนในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไทยเรามีใบรับรองวัคซีนป้องกันโควิด(vaccine certificate) ทั้งแบบรูปแบบและอิเลกทรอนิกส์ในแอพพลิเคชั่น "หมอพร้อม" ก็ไม่เสียหายอะไรถ้าจะนำติดตัวไปต่างประเทศ เพื่อให้มีหลักฐานแสดงได้อย่างสบายใจและสร้างความสะดวกให้ตัวเอง ทั้งนี้ ผู้ที่จะเดินทางเข้าไทยก็ยังต้องใช้ใบรับรองวัคซีนอยู่

 

เมื่อถามถึงการหารือวัคซีนโควิดรุ่นใหม่ นายอนุทินกล่าวว่า ในการประชุมมีการพูดถึงการวิจัยศึกษา พัฒนาและพูดกันว่าขอให้เรานึกถึงกันและกันมากขึ้น นึกถึงคนทั้งโลก ไม่ใช่ใครหาได้ก็เก็บไว้ใช้คนเดียว ก็จะผิดแนวคิด เพราะคนอื่นยังไม่ปลอดภัยก็ไม่มีประโยชน์อะไร ทั้งนี้เราต้องนึกถึงประเทศที่มีข้อกำจัดเรื่องงบประมาณ เราก็ต้องแบ่งปันให้ถ้วนหน้า เพราะถ้าทุกคนปลอดภัย โรคระบาดก็ทำอะไรเราไม่ได้

 

“ประเทศไทยเราก็ยังพัฒนาวัคซีนต่อไป ไม่ใช่หาซื้อได้แล้วก็ไม่พัฒนาต่อ เราต้องยืนด้วยตนเองให้ได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าการพัฒนาด้วยตัวเองจะแพงกว่า เนื่องจากปริมาณการผลิต แต่ก็ต้องพัฒนาให้เกิดองค์ความรู้ ให้เกิดความมั่นใจว่าเราจะพัฒนาวัคซีนได้ในอนาคต หรือป้องกันการถูกจำกัดส่งผลิต เราจะได้พึ่งพาตนเองได้” นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามว่าวัคซีนไฟเซอร์เด็กที่ผ่านการอนุมัติจะเข้าไทยเมื่อไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า อยู่ระหว่างดำเนินการให้เร็วที่สุด

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วัคซีนไฟเซอร์เด็ก จะต้องเสนอครม. เพราะต้องมีการขอปรับเปลี่ยนสัญญา