ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ข่าวปลอม วิธีการปฐมพยาบาลเมื่อสำลักอาหาร แค่ยกมือขึ้นไปก็ช่วยให้อาเจียนออกมา! การป้องกันอาการสำลัก หรือภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นในผู้สูงอายุ ต้องทำอย่างไร  

จากกรณีข้อมูลบนโลกออนไลน์เรื่อง 4 วิธีการปฐมพยาบาลเมื่อสำลักอาหาร ตกหมอน ขาเป็นตะคริว และขาชา โดยวิธีจัดการเมื่อเกิดสำลักอาหาร ในโพสต์ระบุว่า แค่ยกมือขึ้นไป ก็ช่วยให้อาเจียนออกมา เป็นวิธีจัดการกับการสำลักอาหาร เรื่องนี้ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ ไม่มีข้อมูลใดเลยที่สามารถอธิบายเหตุผลได้ตามหลักวิชาการการแพทย์ ทำให้ไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อว่าจะสามารถเป็นการปฐมพยาบาลหากเกิดอาการในข้างต้นได้จริง

สำหรับอาการสำลักอาหารของผู้สูงอายุ ข้อมูลจากกรมการแพทย์ ระบุว่า เมื่อผู้สูงอายุเกิดอาการสำลัก หรือมีภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น จะมีสัญญาณอันตราย เช่น เกิดอาการหายใจ ติดขัด มีเสียงคล้ายนกหวีดขณะหายใจ พยายามพูดแต่ไม่มีเสียง อาจหมดสติภายใน 4-5 นาที และอาจจะเสียชีวิตได้ การดูแลเบื้องต้น ผู้สูงอายุอาจไม่มีแรงในการไอเพื่อขับสิ่งที่อุดกั้นทางเดินหายใจให้ออกมา ต้องช่วยโดยการยืนด้านหลังผู้สูงอายุ ใช้มืออ้อมจากด้านหลังมากำมือประสานไว้ที่หน้าท้องผู้สูงอายุ เหนือสะดือเล็กน้อย กระแทกมือขึ้นด้านบนบริเวณกะบังลมอย่างรวดเร็ว โดยใช้แรงพอสมควร ตามจังหวะที่ผู้สูงอายุพยายามหายใจเอาสิ่งที่อุดกั้นออก หลังจากนั้นให้สังเกตว่าสิ่งใดที่อุดกั้นทางเดินหายใจ เพื่อเป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือต่อไป

สาเหตุของการสำลักอาหารในผู้สูงอายุ เกิดได้จากช่วงวัยที่มากขึ้น การทำงานของระบบการกลืนอาหาร การทำงานของช่องปาก กลไกของระบบประสาทที่ควบคุมการกลืนลดลง ระบบอวัยวะต่าง ๆ จะเสื่อมลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้สูงอายุเสี่ยงต่อเกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น สำลัก ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ รวมถึงการมีเสมหะ เศษอาหาร หรือฟันปลอมที่ชำรุดไปอุดกั้นทางเดินหายใจ

การป้องกันการเกิดภาวะฉุกเฉินในผู้สูงอายุ อาจทำได้ยาก เพราะอาการที่เกิดขึ้นสังเกตได้ยากและไม่ชัดเจน แต่สามารถป้องกันอาการสำลักได้โดยดูแลสุขภาพเหงือกและฟันผู้สูงอายุ หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจทำให้สำลักง่าย ผู้สูงอายุที่มีปัญหาการกลืนควรปรึกษาแพทย์เพื่อฝึกการกลืน และรีบรักษาเมื่อมีปัญหาเรื่องไอหรือเสมหะ

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org