ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปลัดสธ.สั่ง รพ. ในสังกัดทุกแห่ง พร้อมรับอุบัติเหตุสงกรานต์ เพิ่มบุคลากรขึ้นเวรมากขึ้น เตรียมห้องฉุกเฉิน เครื่องมือต่างๆรองรับ พร้อมปรับโครงสร้างห้องฉุกเฉิน 2 ชั้นป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท ประสานตำรวจถึงจุดเกิดเหตุใน 5-10 นาที ลั่นใครก่อเหตุในรพ. เป็นอันตรายต่อทุกคนมีโทษหนัก

 

สธ.ตั้งศูนย์ EOC รับมือสงกรานต์

เมื่อวันที่ 10 เมษายน  ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)   นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)  กล่าวในการแถลงข่าว “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566  ว่า  สธ.ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Emergency Operation Center : EOC) ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และได้สั่งการให้หน่วยงานและโรงพยาบาลในสังกัด สนับสนุนการทำงานของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน  ทั้งในส่วนกลางและระดับจังหวัด เพื่อประสานและสนับสนุนการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง

พร้อมทั้งสนับสนุนการทำงานของชุดปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฝึกทักษะการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยฉุกเฉิน เตรียมพร้อมศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ หรือศูนย์สั่งการ มีทีมปฏิบัติการฉุกเฉิน (EMS) ของโรงพยาบาลและเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนทุกระดับ ทั้งทางบก อากาศ และทางเรือ จัดทีมกู้ชีพระดับพื้นฐาน (BLS) และหน่วยปฏิบัติการระดับสูง (ALS) ประจำเส้นทางสายหลักที่มีจุดตรวจหรือจุดบริการอยู่ห่างกัน เพื่อให้การรักษาพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว กรณีบาดเจ็บ/เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตรับบริการที่โรงพยาบาลใกล้ที่สุด โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายภายใน 72 ชั่วโมงแรก ตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ นอกจากนี้ ทางสธ. ยังได้นำวิธีการรักษาผ่านระบบเทเลเมดิซีนมาปรับใช้ใน รพ. และรถพยาบาลจะมีระบบเชื่อมโยงกับศูนย์สั่งการ แพทย์จะสั่งการการรักษาเบื้องต้นได้

 

เตรียมบุคลากรขึ้นเวรช่วงสงกรานต์ ป้องกันเหตุความรุนแรงห้องฉุกเฉิน

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า  ได้ให้โรงพยาบาลทุกแห่งจัดเตรียมเพิ่มบุคลากรจากปกติ มาขึ้นเวรมากขึ้น เตรียมห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด ห้องไอซียู รวมทั้งระบบส่งต่อ นอกจากนี้ อย่างที่ทราบอุบัติเหตุมักเกี่ยวเนื่องแอลกอฮอล์ จึงสนับสนุนการเจาะเลือดตรวจระดับแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุและไม่สามารถเป่าลมหายใจผ่านเครื่องตรวจได้ ตามการร้องขอของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมประสานตำรวจท้องที่มาตรวจตราความเรียบร้อยเป็นระยะเพื่อป้องกันเหตุความรุนแรงในสถานพยาบาล หรือห้องฉุกเฉินที่มีข่าวเนืองๆ ทั้งวัยรุ่น ที่มีเหตุทะเลาะวิวาทและมาทะเลาะกันต่อที่ห้องฉุกเฉิน โดยได้ปรับห้องฉุกเฉิน 2 ชั้น ป้องกันเหตุเกิดภายในห้องฉุกเฉินด้วย สำหรับการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนน ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกับ อสม. ตั้งด่านชุมชน ด่านครอบครัวเพื่อสกัดกั้นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดน้อยที่สุด

ขอเป็นกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเสียสละช่วงวันหยุด

“เทศกาลสงกรานต์ทุกปี บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอุทิศตนทุ่มเทเสียสละ วันที่คนส่วนใหญ่หยุด แต่เจ้าหน้าที่เราไม่หยุด และต้องมาขึ้นเวรมากขึ้น จึงขอให้เป็นกำลังใจ และร่วมมือในการปฏิบัติงาน อย่างช่วงก่อนโควิดระบาดมีผู้บาดเจ็บมารักษาในรพ.วันละประมาณ 25,000 ราย และเพิ่มขึ้นมากกว่า 3,500 รายมากกว่าช่วงปกติ ซึ่งปีนี้สงกรานต์ไม่ได้ฉลองหลายปี ซึ่งทุกจังหวัดเตรียมความพร้อมในการฉลองตรงนี้ และมีการเดินทางมากขึ้น โอกาสเกิดอุบัติเหตุก็จะมากขึ้น ดังนั้น บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขก็เตรียมพร้อม และขอให้ทุกคนร่วมมือกัน ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” ปลัดสธ. กล่าว

 

ประสานตำรวจมาถึงจุดเกิดเหตุวิวาทที่รพ.ภายใน 5-10 นาที

 ผู้สื่อข่าวถามว่าการป้องกันเหตุรุนแรงใน รพ. เมื่อมีการแจ้งเหตุ จะมีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจมาภายในเวลาเท่าไหร่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ได้มีการจัดระบบสัญญาณแจ้งเหตุ ซึ่งภาพรวมไม่น่าเกิน 5-10 นาที นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังให้รพ.มีการปรับโครงสร้างของห้องฉุกเฉินให้มีความปลอดภัย สำหรับผู้ปฏิบัติงานและผู้ป่วยมากยิ่งขึ้น เช่น การมีประตู 2 ชั้น มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง การติดตั้งกล้องวงจรปิด มีมาตรการในการซ้อมรับ

“โรงพยาบาล เป็นสถานที่ในการดูแลรักษาประชาชนทุกคน ทุกฝ่าย การมาตีกัน ทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาล ไม่รอดมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรามีกล้องวงจรปิด  การมาก่อเรื่องในโรงพยาบาล มีการพิพากษาอย่างหนักมาตลอด ถือเป็นคนที่ทำอันตรายต่อสังคมในทุกๆด้าน ขอเตือนอีกครั้งอย่าทำ ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดขึ้น” นพ.โอภาส กล่าว

  

(ข่าวเกี่ยวข้อง : สงกรานต์ปีนี้! สธ.แนะภาคเหนือฝุ่น PM2.5 ยังวิกฤต งดออกจากบ้าน เลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง)

(ข่าวเกี่ยวข้อง : “สาธิต” ฝากนักการเมืองอย่าช่วยคนผิด “เมาแล้วขับ” ร่วมลดอุบัติเหตุสงกรานต์)

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org

เรื่องที่เกี่ยวข้อง