ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย เตรียมยื่นร่างพ.ร.บ.กัญชา ฉบับประชาชนต่อรัฐสภา พร้อมขอเข้าพบ “หมอชลน่าน” ที่สธ. 12 ต.ค.นี้ ถกข้อเท็จจริงข้อดีข้อเสียกัญชา ยืนยันสิทธิพื้นฐานประชาสชนปลูกได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้ระบบใบอนุญาต ไม่เคยค้านการควบคุม แต่ขอให้ฟังข้อมูลรอบด้าน อย่าปิดกั้น กีดกันการปลูกของครัวเรือนเพื่อความมั่นคงทางยา

ตามที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เตรียมปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง จากร่างกฎหมายเดิมที่เสนอโดยพรรคภูมิใจไทย โดยจะเน้นใช้ทางการแพทย์และสุขภาพ ไม่ให้มีการใช้เพื่อสันทนาการ รวมทั้งจะมีการพิจารณาแนวทางนำบางส่วนของกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดนั้น

 

เครือข่ายฯพบ รมว.ชลน่าน หารือ 2 ประเด็นหลัก

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า  ทางเครือข่ายฯ เตรียมเดินทางเพื่อยื่นร่าง พ.ร.บ.กัญชา ฉบับประชาชนต่อรัฐสภาในวันที่ 12 ตุลาคม 2566 โดยช่วงเช้าจะเดินทางไปยังอาคารรัฐสภา จากนั้นเวลาประมาณ 13.00 น. จะยื่นหนังสือต่อนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) โดยจะมี 2 ประเด็นหลักในการยื่นเสนอต่อรมว.สาธารณสุข ประกอบด้วย ประเด็นแรก ให้ข้อเท็จจริงเรื่องกัญชาต่อสาธารณะ โดยกระทรวงสาธารณสุขต้องเป็นฝ่ายวิชาการและให้ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีการถกเถียงเรื่องนี้กันมาก

ประเด็นที่สอง ต้องมาพิจารณาว่าในมาตรการต่างๆ ที่จะกำหนดออกมานั้น ทางกระทรวงฯควรคำนึงถึงหลักวิชาการและข้อมูลรอบด้านด้วย  เพราะกัญชามีภูมิปัญญาเรื่องการรักษามาช้านาน อย่างการแพทย์แผนไทยมีการใช้รักษามาตั้งแต่โบราณ สิ่งเหล่านี้สำคัญมาก เนื่องจากข้อมูลที่กระทรวงฯมีจะนำไปสู่การออก พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับใหม่ได้  ดังนั้น ทิศทางกระทรวงสาธารณสุขเป็นแบบไหน ร่างของครม.ก็จะมีแนวโน้มเช่นนั้น จึงขอให้กระทรวงฯคิดถึงสิทธิประชาชน สิทธิพื้นฐานในการใช้กัญชาเพื่อเป็นยาด้วย

“พวกเราจะขอหารือถึงเรื่องนี้ว่า เป็นสิทธิพื้นฐานการปลูกกัญชาของประชาชน ส่วนมาตรการอื่นๆในการปกป้องผู้อื่น ปกป้องเด็กเยาวชนก็ว่ากันไปได้ ซึ่งเราไม่ได้คัดค้านอะไร เราเห็นด้วยที่ต้องมีกฎหมายการควบคุมตรงนี้ ซึ่งเราก็เสนอร่างพ.ร.บ.กัญชาอีกฉบับของประชาชน โดยเข้าใจว่า ร่างครม.จะเป็นร่างหลัก ดังนั้น ในวันที่ 12 ต.ค.จึงอยากหารือสร้างความเข้าใจร่วมกันกับทางกระทรวงสาธารณสุข” นายประสิทธิชัย กล่าว

ยืนยันสิทธิพื้นฐานปลูกกัญชาในครัวเรือน แต่ต้องมีใบอนุญาต

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่หากร่างพ.ร.บ.ใหม่จะมีประเด็นการควบคุมการปลูกกัญชาในครัวเรือน เพราะกังวลเรื่องผลกระทบการนำมาใช้ในทางที่ผิด นายประสิทธิชัย กล่าวว่า เรื่องนี้สำคัญมาก  ไม่อยากให้รัฐมนตรีฯฟังด้านเดียวว่า หากปลูกที่บ้านแล้วเด็กๆ จะมีโอกาสนำไปใช้ในทางที่ผิด จริงๆ เราเห็นว่า สามารถปลูกในครัวเรือนได้ แต่ต้องมีใบอนุญาตเท่านั้น ไม่สามารถปลูกได้โดยไม่มีใบอนุญาต หากละเมิดถือว่าผิดกฎหมาย อันนี้คือหลักการของทางเครือข่ายฯ ซึ่งยืนยันมาตลอด โดยการได้รับใบอนุญาตไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับโรงพยาบาล หรือศูนย์วิจัยใดๆ เพราะจะเป็นการกีดกันเกินไป เนื่องจากหากไปสืบค้นข้อมูลจะพบว่า ชาวบ้านปลูกกันมานานแล้ว และจากข้อมูลที่ตนหามานั้นพบว่า 100 เคสปลูกแล้วไม่ได้มีส่วนโดยตรงกับการที่เยาวชนนำไปใช้

“เครือข่ายฯได้เดินทางไปทั่วประเทศ เราเห็นด้วยอย่างเต็มที่ว่า การปลูกกัญชาต้องมีใบอนุญาต และเราไม่เห็นด้วยเรื่องการใช้กัญชาแบบเสรี ซึ่งเราขอเพียงสิทธิพื้นฐานการปลูก แต่ต้องอยู่ภายใต้ระบบใบอนุญาต” เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าว

 

สาเหตุกำหนดจำนวนต้นในการปลูกครัวเรือนเพื่อความมั่นคงทางยา

ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นต้องระบุว่าปลูกได้กี่ต้น อย่าง 15 ต้นหรือไม่ นายประสิทธิชัย กล่าวว่า  การที่กำหนดจำนวนต้นในครัวเรือนนั้นมีเหตุผล เพราะเมื่อเป็นสิทธิพื้นฐานแล้ว แต่หากไม่จำกัดจำนวนต้นจะมีปัญหาเรื่องการควบคุม ซึ่งการเสนอจำนวนต้นในการปลูกเป็นการแสดงเจตนาบริสุทธิ์ถึงจำนวนที่ต้องการเพื่อความมั่นคงทางยาในครัวเรือนเท่านั้น  ไม่ให้ขาย ซึ่งในร่างพ.ร.บ.กัญชาของพรรคภูมิใจไทย และของเครือข่ายก็จะมีหลักการเดียวกัน คือ ห้ามนำไปขาย ให้ใช้ในระดับครัวเรือนเพื่อความมั่นคงทางยา โดยจำนวนนั้นของเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยระบุไว้ 9 ต้น

นายประสิทธิชัย กล่าวว่า จากข้อเท็จจริงในการใช้กัญชาเพื่อความมั่นคงทางยาในครัวเรือนจะอยู่ประมาณ 10-15 ต้น แต่ทางเครือข่ายฯ กำหนดไว้ประมาณ 9 ต้น เพื่อไม่ให้มากเกินไป สังคมก็ไม่ต้องกลัว เพราะปลูกกัญชายากมาก กว่าจะปลูกได้บางที 3 ปีปลูกได้ 1 ต้น

เมื่อถามกรณีหากมีการพิจารณานำบางส่วนของกัญชากลับเป็นยาเสพติด นายประสิทธิชัย กล่าวว่า  กลับไปประเด็นแรกคือ ต้องมีข้อมูลข้อเท็จจริงให้ปรากฎ โดยเทียบกับ 3 เรื่องที่อยู่ใกล้ตัวในสังคม คือ สุรา บุหรี่ และกาแฟ  โดยเทียบกับกัญชาด้วยว่า ข้อเท็จจริงทั้งทางลบ และทางบวกในการรักษา เอามาพิสูจน์ว่า อันไหนเป็นอย่างไร

“หากพิสูจน์แล้วว่ากัญชาร้ายจริง ผมจะประกาศคนแรกให้นำกลับเป็นยาเสพติด” นายประสิทธิชัย กล่าว

 

ข่าวเกี่ยวข้อง :

-“ชลน่าน” ลั่นไม่เคยพูดห้ามชาวบ้านปลูกกัญชา 15 ต้น ด้านเครือข่ายกัญชาฯแถลงการณ์เคลื่อนไหว

- แพทย์ มข. หนุน “ชลน่าน” ออกกฎหมาย “กัญชาทางการแพทย์” ให้ชัดเจนอีกครั้ง หลังคนไข้เข้าใจผิดมาก

-“ชลน่าน” เล็งออกประกาศ สธ.คืนบางส่วนกัญชากลับเป็นยาเสพติด

-เครือข่ายกัญชา จวก “หมอชลน่าน” หวั่นสร้างความหวาดกลัวให้สังคม