ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.ประชุมร่วมกระทรวงยุติธรรมวางแผนแก้ปัญหายาเสพติดตามนโยบายรัฐบาลเห็นผลภายใน 1 ปี กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ เบื้องต้นเตรียมทำลายยาเสพติดล้างคลัง 340 ตัน เริ่มเผาครั้งแรก 20 ธ.ค.นี้ นายกฯเป็นประธาน ก่อนทยอยเผาทำลายที่เหลือตลอด 7 วัน จากนั้นพักเตาและดำเนินการให้เสร็จสิ้นม.ค.67 ใช้งบ 10 ล้านจากป.ป.ส.

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน  นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมประสานความร่วมมือระหว่าง สธ.และกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เกี่ยวกับการเผาทำลายยาเสพติด ว่า จากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศนโยบายรัฐบาลเรื่องการลดและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ได้อย่างเป็นรูปธรรมภายใน 1 ปี โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ บูรณาการภาคีเครือข่ายหลายหน่ยงานแก้ไขปัญหาแบบครบวงจร ทั้งการจับกุมกวาดล้างผู้ค้า การเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย เพื่อเข้ารับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพให้กลับสู่สังคมได้อย่างปกติ ไม่หวนกลับไปสู่วงจรยาเสพติดอีก  รวมไปถึงการเผาทำลายยาเสพติดของกลางซึ่งนายกฯ มอบนโยบายว่าจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้

นพ.ชลน่านกล่าวว่า การประชุมวันนี้เพื่อหารือเรื่องการเผาทำลายยาเสพติดของกลางที่อยู่ในคลังทั้งหมด ขณะนี้มีทั้งหมด 340 ตัน จากทุกส่วนของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตำรวจ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่เก็บไว้ เพื่อจะทำเผาทำลายเป็นการ Set Zero ยาเสพติดของกลางทั้งหมด กำหนดการจะเริ่มเผาวันที่ 20 ธ.ค.นี้ โดยจะเชิญนายกฯ มาเป็นประธาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยแบ่งการเผาเป็น 2 ครั้ง ครั้งแรกจำนวน 110 ตัน ใช้เวลา 7 วัน จากนั้นจะพักเตาและเผาครั้งที่สองอีก 230 ตัน ก็จะเผาต่อเนื่องไปให้เสร็จสิ้นใน ม.ค. 2567 เป็นไปตามนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติด ป้องกันปราบปรามบำบัดฟื้นฟู

 

"ส่วนนี้เป็นส่วนของการปราบปราม มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ รัฐบาลเอาจริงเอาจังตามที่นายกฯ แถลงนโยบายต่อรัฐสภา กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และทำให้เห็นผลใน 1 ปี เรื่องการเผาทำลายยาเสพติดของกลางเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ต้องำท เราตั้งใจ Set Zero ยาเสพติดของกลางในคลัง โดยใช้งบประมาณ 10 ล้านบาทในการเผาทำลาย" นพ.ชลน่านกล่าว

นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตามกฎหมายใหม่ เมื่อจับได้พิสูจน์ได้ว่าเป็นสารเสพติด ถือเป็นของกลางที่จะถูกทำลายล้าง ถูกนำไปเผาเลย ไม่เหมือนกฎหมายเก่าที่ต้องรอพิสูจน์คดีให้จบก่อนถึงนำไปเผาทำลาย ทำให้การจัดเก็บในคลังค่อนข้างนาน ดังนั้น เมือ่พิสูจน์ว่าเป็นสารเสพติดเฉพาะตัวยา ไม่ต้องรอพิสูจน์คดี ก็นำเข้าสู่การเผา เราวางแผนจะเผายาเสพติดในคลังประจำทุก 2 เดือนในปริมาณที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ส่วนการเผาทำลายยาเสพติดที่เข้ามาใหม่ ด้วยความสามารถที่เราทำอยู่น่าจะมีประมาณ 150 ตันต่อปี งบประมาณที่ใช้จะเป็นส่วนของการปราบปรามยาเสพติด เป็นแผนบูรณาการที่ ป.ป.ส.เป็นหน่วยรับงบประมาณแผ่นดินเป็นผู้ตั้งแล้วมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกัน อย.ก็เป็นผู้จัดเก็บและเผายา ก็จะมีงบประมาณในส่วนแผนบูรณาการนี้ ปีต่อไปงบประมาณในการเผายาก็อยู่ในส่วนนี้

ถามว่านับเป็นการเผายามาราธอนหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า มาราธอนน่าจะเรียกตั้งแต่เราปราบปรามยาเสพติดเป็นต้นมามากกว่า การเผาครั้งนี้เราต้องการให้จบในระยะเวลาที่กำหนด ขึ้นกับประสิทธิภาพของเตาเผา ซึ่งเตาเผาที่มีรองรับได้ 110 วันใช้เวลา 7 วันแล้วพักเตาแล้วเผาที่เหลือต่อ ก็จะมาราธอนเฉพาะการเผาในช่วง 340 ตันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยาเสพติดของกลาง 340 ตันที่จะเผาทำลายในครั้งนี้ พบว่าเป็น เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) มากที่สุด 145,441 กิโลกรัม ตามด้วย ยาไอซ์ 43,097 กิโลกรัม เฮโรอีน  6,378 กิโลกรัม คีตามีน/คีตามีน+พืชกระท่อม  4,285 กิโลกรัม  วัตถุออกฤทธิ์อื่น เช่น ไซบูทรามีน 2,304 กิโลกรัม วัตถุออกฤทธิ์ เช่น ไนเมตาซีแพม  คีตามีน อัลปราโซแลม ไดอาซีแพม เป็นต้น 2,281 กิโลกรัม คาทีน 2,213 กิโลกรัม ฝิ่น 2,023 กิโลกรัม ซูโดอีเฟดรีน 1,079 กิโลกรัม เป็นต้น