ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ย้อนสถิติอุบัติเหตุ 7 วันอันตรายสงกรานต์ 2566 อุบัติเหตุรวม 2,203 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 2,208 คน ผู้เสียชีวิต 264 คน "เชียงราย" แชมป์อุบัติเหตุสะสมสูงสุด 68 ครั้ง กทม. ผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด 22 คน สาเหตุหลักขับเร็ว 38.22% ดื่มแล้วขับ 23.97% สสส.-วธ.-มท.-สคอ. ร่วมรณรงค์ “สงกรานต์วิถีไทย ดื่มไม่ขับ 2567” เน้นย้ำมาตรการตรวจแอลกอฮอล์ทุกเคสอุบัติเหตุ ไม่ขายน้ำเมาให้กับเด็ก ดื่มไม่ขับ ไม่ขับเร็ว สวมหมวกนิรภัย

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2567 ที่วัดพุทธปัญญา อ.เมือง จ.นนทบุรี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย จัดงานแถลงข่าว “สงกรานต์วิถีไทย ดื่มไม่ขับ 2567” เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน ร่วมรักษาประเพณีอันดีงามของสงกรานต์แบบไทย สนุกสนานอย่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน  

สสส.รณรงค์ “ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย”

นางก่องกาญจน์ ทักษ์หิรัญฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดอันดับความปลอดภัยทางถนนซึ่งล่าสุดประเทศไทยสามารถลดอันดับลงจากอันดับที่ 9 มาอยู่อันดับที่ 18 ของโลก ซึ่งรัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายลดเจ็บ-ตายจากอุบัติเหตุบนถนนให้เหลือ 12 คนต่อประชากรแสนคนในปี 2570 โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ที่ต้องเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยทางถนน ดื่มไม่ขับ 

จากข้อมูลของ สธ. พบผู้ดื่มแล้วขับ 4,340 คน และเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 502 คน สสส. ได้สานพลังภาคีเครือข่ายลดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ โดยร่วมกับเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ 100 เครือข่ายทั่วประเทศ รณรงค์ “ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย” ในจังหวัดต่าง ๆ เน้นย้ำมาตรการดูแลความปลอดภัยทางถนน ตรวจแอลกอฮอล์ในอุบัติเหตุที่เกิดทุกครั้ง ไม่ขายแอลกอฮอล์ให้กับเด็กและเยาวชน หากพบเด็กเกิดอุบัติเหตุทางถนนจากการดื่มแล้วขับให้มีการสอบสวนไปถึงร้านค้า และรายงานพฤติกรรมการกระทำความผิดผ่าน “Facebook มูลนิธิเมาไม่ขับ” เพื่อให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการลงโทษตามกฎหมายกับผู้ฝ่าฝืน

“สสส. สนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) ขับเคลื่อนป้องกันอุบัติเหตุในพื้นที่อำเภอเสี่ยง 222  อำเภอ เน้นมาตรการ ดื่มไม่ขับ-ไม่ขับเร็ว-สวมหมวกนิรภัย เพราะอุบัติเหตุส่วนใหญ่ เกิดในพื้นที่ชุมชน ส่งเสริมให้ชุมชน “ตั้งด่านตรวจเตือนในชุมชน” ตรวจเตือนพี่น้องในชุมชนไม่ให้ดื่มแล้วขับขี่ สอดคล้องกับข้อมูลของ บ.กลางฯ ที่พบว่า 56% ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในช่วงสงกรานต์ เสียชีวิตใกล้บ้าน รัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร จึงอยากเน้นย้ำการดื่มแล้วอยู่บ้านเพื่อความปลอดภัย ฉลองสงกรานต์อย่างมีความสุข" นางก่องกาญจน์ กล่าว 

นางก่องกาญจน์ กล่าวอีกว่า สสส. ได้ผลิตสปอตรณรงค์สื่อสารภายใต้แคมเปญ ‘ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย ดื่มเหล้า เมาถึงสมอง’ สื่อสารถึงแอลกอฮอล์ที่ดูดซึมเข้าร่างกายแม้เพียงไม่นาน ก็ส่งผลต่อสมอง การตัดสินใจ กล้าทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ เกิดการคึกคะนอง ใจร้อน ขาดสติ จนนำไปสู่อุบัติเหตุ และการสูญเสีย สงกรานต์ปีนี้ขอฝากถึงประชาชน ผู้ขับขี่ยานพาหนะต้องดื่มไม่ขับ ก่อนออกเดินทางควรวางแผนการเดินทาง พักผ่อนให้เพียงพอ สวมหมวกนิรภัย และคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง ร่วมกันลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลให้เป็นศูนย์

นางสาวปราณิสา  เตียวพิพิธพร ผู้เชี่ยวชาญด้านเครือข่ายและชุมชน กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 18 เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2566 ที่สาธารณรัฐบอตสวานา ได้ประกาศรับรองให้ “สงกรานต์เป็นมรดกโลก” กระทรวงวัฒนธรรม จึงได้ร่วมกับภาคส่วน ขับเคลื่อนยกระดับวัฒนธรรมไทยให้เป็น Soft Power เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ และจัดทำแผนรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาร่วมงานถึงด้านความปลอดภัย ดูแลนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ  โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน เช่น การไม่คุกคามทางเพศ การเคารพและให้เกียรติ ผู้ที่ไม่ประสงค์จะเล่นสาดน้ำสงกรานต์ ไม่สร้างความเดือดร้อนต่อผู้อื่น ไม่สร้างความวุ่นวายในที่สาธารณะ รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนที่ขับขี่ยานพาหนะ และใช้ถนนให้ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎจราจรอย่างเคร่งครัด รวมถึงช่วยสอดส่อง หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ในกรณีพบเห็นผู้ที่ปฏิบัติตนไม่เหมาะสม

7 วันอันตรายสงกรานต์ 66 พบอุบัติเหตุรวม 2,203 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 2,208 คน ผู้เสียชีวิต 264 คน

นายวิทยา จันทน์เสนะ ผู้อำนวยการกองบูรณาการความปลอดภัยทางถนน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย (มท.) กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ได้สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนสะสม 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 11 – 17 เม.ย. 2566 พบว่า เกิดอุบัติเหตุรวม 2,203 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 2,208 คน ผู้เสียชีวิต 264 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดคือ จ.เชียงราย 68 ครั้ง ผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดคือ กรุงเทพฯ 22 คน สาเหตุจากขับรถเร็ว 38.22% ดื่มแล้วขับ 23.97% ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 80.46% โดยนโยบายและมาตรการคุมเข้มเตรียมพร้อมรับมืออุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ 2567 ภายใต้การรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย  เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” มีแนวทาง และมาตรการ แบ่งการดำเนินงานเป็น 4 ช่วง 

1. ช่วงรณรงค์และประชาสัมพันธ์ 

2. ช่วงดำเนินการก่อนควบคุมเข้มข้น  

3. ช่วงควบคุมเข้มข้น 

4. หลังควบคุมเข้มข้น 

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันยึดพื้นที่เป็นตัวตั้ง เพื่อควบคุมและลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ทั้งด้านคน ถนน ยานพาหนะ และสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด เกิดความปลอดภัยในการเดินทางทุกมิติ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จังหวัด และกรุงเทพฯ บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนนำมาตรการไปเป็นแนวทางดำเนินงานอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง

"จากการดำเนินงานด้วยความเข้มข้น ความตั้งใจทุกหน่วยงาน จะเห็นผลจากความพยายามตั้งแต่อดีต โดยเฉพาะการดำเนินงานในช่วงสงกรานต์ จะควบคุมเข้มข้น 7 วัน รณรงค์การดื่มไม่ขับ ลดพฤติกรรมเสี่ยง จัดโซนนิ่งพื้นที่เล่นน้ำ ลดปัจจัยเสี่ยงสภาพแวดล้อม สำรวจแก้ไขจุดเสี่ยง อำนวยความสะดวกในการเดินทาง เตรียมความพร้อมรถกู้ชีพกู้ภัย เป็นมาตรการให้เกิดความปลอดภัยแก่พี่น้องประชาชน ขอเน้นย้ำว่า ดื่ม ง่วง เมา ไม่ขับเด็ดขาด" นายวิทยา กล่าว

สคอ.ส่งสื่อรณรงค์ "ดื่มไม่ขับ" ย้ำดื่มเหล้าเมาถึงสมอง

ด้านนายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวว่า การสื่อสารประชาสัมพันธ์ และรณรงค์ให้ประชาชนได้รับรู้ถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มีการเตรียมความพร้อมและเพิ่มความระมัดระวัง มีสติในการขับขี่ พร้อมประเมินความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งความเสี่ยงที่จะพบเจอ ได้แก่ รถไม่พร้อม คนไม่พร้อม สภาพล้อ-ยางไม่สมบูรณ์ ขาดประสิทธิภาพยึดเกาะถนน หากมีการเล่นน้ำก็จะทำให้คนขับมองไม่เห็นทาง ถนนลื่น ความเสี่ยงนั่งท้ายกระบะ ไม่สวมหมวกนิรภัย ดื่มแล้วขับ ขับเร็ว หลับใน 

ทาง สคอ. ได้เร่งประสานสื่อมวลชนทุกฝ่ายพร้อมทั้งส่งข้อมูลผ่านหอกระจายข่าว จัดทำสื่อรณรงค์ส่งตรงไปยังหน่วยงานและท้องถิ่นในพื้นที่ ให้มีการกระจายข้อมูลข่าวสารและประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนและผู้ขับขี่ เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนที่จะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาล ทั้งนี้ การดื่มไม่ขับไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สถานการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบันรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่มีการดื่มสุรามากขึ้น ขอย้ำว่า ดื่มเหล้าเมาถึงสมอง สงกรานต์นี้ควรเล่นน้ำอย่างปลอดภัย อีกทั้งปีนี้อากาศร้อนมาก ร่างกายอาจขาดน้ำหรือเกิดภาวะวูบหลับใน จึงควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ แล้วดื่มน้ำเปล่าบ่อย ๆ

"สำหรับจังหวัดที่น่ากังวลเรื่องอุบัติเหตุ หลัก ๆ ยังเป็นจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและเป็นปลายทางของการเดินทางขนาดใหญ่ เช่น เชียงใหม่ โคราช หาดใหญ่ สงขลา ภูเก็ต โอกาสเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างสูง ถ้าภาคอิสานจะเป็นอุดรธานี ขอนแก่น และหนองคาย เพราะเป็นจังหวัดใหญ่และจัดกิจกรรมเยอะมาก แม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแต่คนที่เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่ก็ยังเป็นคนไทยที่ขี่มอเตอร์ไซค์ โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่นอกตัวเมือง กลุ่มวัยรุ่นที่ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาเล่นในเมือง แวะดื่มและเล่นน้ำ ขากลับเมื่อถนนโล่ง ขับเร็ว เมา ก็เสียหลักเกิดอุบัติเหตุข้างทาง บางคนแวะดื่มเป็นจุด ๆ ระหว่างทาง" นายพรหมมินทร์ กล่าว

นายพรหมมินทร์ กล่าวอีกว่า จากนโยบายขยายเวลาปิดสถานบริการตี 4 ในพื้นที่จังหวัดนำร่องได้แก่ กทม. เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต และเกาะสมุย การขยายเวลาขายแอลกอฮอล์ สถานการณ์ชัดเจนอยู่แล้วว่า ทุกจังหวัดนำร่องมีสถิติอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับปีที่แล้วจะเห็นว่าตัวเลขสูงขึ้น เพราะคนดื่มนานขึ้น เมามากขึ้น ก็เป็นวงจรที่อยากฝากไว้ว่า เรื่องธรรมดาที่มองข้ามจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ส่วนกลุ่มที่เสียชีวิตจะอยู่ในช่วงอายุ 15-29 ปี กำลังหลักของประเทศ ขอยืนยันว่า อยากให้รัฐบาลเปลี่ยนใจกลับมาแนวทางเดิมและยึดกฎหมายฉบับเดิมเป็นหลัก และหันมาบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวดตามข้อกำหนดกฎหมายให้ดี