ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

ศูนย์บริการโลหิตสภากาชาดไทยวอนเปลี่ยนพฤติกรรมควรบริจาคเลือดเป็นหน้าที่อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ช่วยปัญหาขาดแคลนเลือดได้หลังจากพบว่าส่วนใหญ่นิยมบริจาคเมื่อมีกระแสส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทำงานหนักและผู้บริจาคต่อคิวนาน

พญ.สร้อยสอางค์  พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เผยว่า หลังจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดปัญหาเลือดในสต็อกของสภากาชาดไทยลดน้อยลงไป จากเดิมที่เคยมีเลือดถึง 1,500 ยูนิตต่อวัน ลดลงเหลือเพียงแค่ 1,200 ยูนิต ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงพยาบาลและผู้ป่วย  ส่งผลให้มีประชาชนที่ทราบข่าวเดินทางมาบริจาคโลหิตที่ศูนย์บริการโลหิตฯ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีประชาชนมาบริจาคเลือดเพิ่มขึ้นจริงและทำให้ปริมาณเลือดเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากจากกระแสข่าวการขาดเลือด แต่เมื่อกระแสตกลงจะพบว่าทำให้เกิดปัญหาขึ้นในเรื่องของพฤติกรรมการบริจาคเลือด เนื่องจากพบว่าประชาชนส่วนใหญ่มักจะมาบริจาคเลือดกันมากในช่วงที่มีกระแสหรือเทศกาลสำคัญต่างๆ ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่พยาบาลที่ดูแลทำงานกันไม่ทัน อีกทั้งผู้ที่ต้องการมาบริจาคเลือดเองจะต้องเสียเวลาในการรอต่อคิวเพื่อจะบริจาคเลือดนานไปด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ พญ.สร้อยสอางค์ ยอมรับว่าไม่มีครั้งไหนที่เลือดในคลังจัดเก็บของศูนย์บริการโลหิตฯ จะขาดเลือดถึงขั้นวิกฤติเท่ากับครั้งนี้ การรับบริจาคเลือดปกติจะมีการตั้งเป้าหมายการรับบริจาคที่ต้องได้รับไม่ต่ำกว่า 1,500 ยูนิตต่อวัน เป็นไปตามยอดการเบิกใช้และส่งต่อไปยังพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ ซึ่งการจัดหาเลือด แม้ว่าแต่ละวันที่ศูนย์บริการโลหิตฯ จะมีผู้เดินเข้ามาบริจาคประมาณ 600-700 คนต่อวัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ จึงต้องมีการออกหน่วยนอกสถานที่เพื่อขอรับบริจาคด้วย โดยตั้งเป้าอยู่ที่ประมาณ 1,000 คนต่อวัน เพื่อให้ปริมาณเลือดที่รวบรวมต้องได้มากกว่า 1,500 ยูนิตต่อวัน

"เมื่อดูท่าทางไม่ดีและมีแนวโน้มว่าจำนวนผู้บริจาคเลือดจะยังไม่เพิ่มง่ายๆ ซึ่งผู้บริจาคส่วนใหญ่อาจรอให้ถึงวันที่ 5 ธ.ค. ค่อยมาบริจาคเลือดเพื่อถวายแด่ในหลวง หรือบางคนก็พร้อมบริจาคอยู่แล้วแต่รอเวลาไปเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ทางศูนย์บริการโลหิตฯ จึงต้องออกมาประกาศระดมบริจาคเลือด โดยให้สื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์"

หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวออกไปเพียงแค่ 1 วัน ก็มีประชาชนหลั่งไหลมาบริจาคเลือดจำนวนมาก พุ่งทะลุ 2,000 คนต่อวัน นั่นแสดงให้เห็นว่ามีคนที่พร้อมอยากจะบริจาคเลือดอยู่แล้ว เพียงแต่รอกระแส รอเสียงเรียกร้องช่วยเหลือเท่านั้น

จากเหตุการณ์วิกฤติขาดเลือดที่เกิดขึ้น พญ.สร้องสอางค์ กล่าวว่า อยากให้คนไทยมีการสร้างวัฒนธรรมใหม่ในการบริจาคเลือด จากเดิมที่รอบริจาคเฉพาะในวันสำคัญๆ ระดับชาติเท่านั้น แต่อยากให้คนไทยกำหนดการบริจาคเลือดตามวันสำคัญของตนเอง อย่างเช่น วันเกิดตนเอง วันเกิดคนในครอบครัว ทั้งนี้ก็เพื่อให้ปริมาณของเลือดที่ได้รับบริจาคถูกเฉลี่ยตามช่วงระยะเวลาทั้งปี พร้อมแนะนำให้ประชาชนเข้ามาบริจาคเลือดกันอย่างน้อยที่สุดปีละ 2 ครั้ง ถือเป็นหน้าที่ หากประชาชนช่วยกันจะช่วยลดปัญหาการขาดแคลนโลหิตไปได้ ไม่มากก็น้อย

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2555