ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ จัดสัมมนาเรื่อง ถอดรหัส TPP-RCEP:ประเทศไทยได้-เสีย นาย สมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคของอาเซียน (RCEP หรืออาร์เซ็ป) เป็นความสำคัญที่จะสร้างความมั่นใจในการขับเคลื่อนการรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียน ซึ่งเริ่มทำกรอบการเจรจาแล้ว จึงมีโอกาสเห็นได้เร็วกว่าการทำยุทธศาสตร์หุ้นส่วนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (TPP หรือทีพีพี) ซึ่งสามารถเดินหน้าเจรจาได้พร้อมกันทั้งอาร์เซ็ปและทีพีพี เพราะเป็นทิศทางการเปิดเสรีในอนาคต แต่จะเกิดได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล แต่ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงว่าหากไทยยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเลือกทำข้อตกลงเรื่องอะไรบ้าง จะทำให้นักลงทุนต่างชาติย้ายหนีไปลงทุน หรือขยายการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่เข้าร่วมการเจรจาแทน เพราะเป็นเรื่องของห่วงโซ่อุปทานที่มีต้นทุนต่ำกว่าไทย โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม

น.ส.รัชดา เจียสกุล ผู้จัดการอาวุโส บริษัท ไบรอัน เคฟ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ไทยจะมีเวลาอีก 1 ปี ในการตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมการเจรจาหรือไม่ แต่หากไม่ตัดสินใจสักเรื่องจะมีผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานของประเทศ เพราะจะทำให้นักลงทุนต่างชาติตัดสินใจย้ายฐานการลงทุนไปประเทศเพื่อนบ้านที่ได้สิทธิประโยชน์ และมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าไทย แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความกังวลล่วงหน้ายังไม่มีความชัดเจนอะไรเกิดขึ้น ส่วนประเด็นอ่อนไหวในการเจรจาทีพีพีที่ไทยต้องเตรียมรับมือคือเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะสิทธิบัตรยา จะต้องวิเคราะห์นโยบายสาธารณสุขให้ดีว่าไทยพร้อมหรือไม่

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ ประธานบริหารสถาบันนานาชาติเพื่อเอเชียแปซิฟิกศึกษา กล่าวว่า ไม่ต้องการให้มองเรื่องดังกล่าวว่าได้หรือเสียประโยชน์ เพราะเป็นเรื่องที่มี 2 ด้าน หากมองในแง่ของผู้บริโภคน่าจะเป็นประโยชน์จากการเปิดเสรีทางการค้ามากกว่า ที่สำคัญยังทำให้ไทยเป็นประเทศที่น่าสนใจมากขึ้นในการเข้ามาลงทุน

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 1 ธันวาคม 2555

เรื่องที่เกี่ยวข้อง