ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สมาคมวิชาชีพแพทย์ฯ-นักวิชาการ จี้ สธ.หยุดยื้อเวลาศึกษา ผลกระทบ'แร่ใยหินไครโซไทล์' ยันเป็นสารก่อมะเร็ง มีอันตราย ต่อสุขภาพ เผย 20 มิถุนายนนี้ หารือนัดที่ 4 หากไม่ได้ข้อยุติ จะไม่ยอมเป็นตรายางเด็ดขาด

หลังจากกระทรวงอุตสาหกรรมได้รับ มอบหมายจากรัฐบาลให้หาแนวทางยกเลิกการใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ตามติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2554 แต่จนถึงปัจจุบันล่วงเลยมานาน 2 ปี ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ แม้ว่าจะมีการเรียกร้องจากภาควิชาการ และเครือข่ายรณรงค์ยกเลิกแร่ใยหินแห่งประเทศไทย (T-BAN) มาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเมื่อเดือนเมษายน 2556 กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ตั้งคณะกรรมการศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากแร่ใยหิน เพื่อหาทางออกในประเด็นดังกล่าว ซึ่งจะมีการหารือครั้งที่ 4 ในวันที่ 20 มิถุนายน

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ศ.นพ.สุรศักดิ์ บูรณตรีเวทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้แทนสมาคมวิชาชีพแพทย์ พยาบาล และนักอาชีวสุขศาสตร์ กล่าวว่า สมาคมวิชาชีพมีจุดยืนในเรื่องนี้เป็นเอกฉันท์ 2 ประการ คือ 1.หลักฐานวิชาการยืนยันว่า แร่ใยหินไครโซไทล์เป็นสารก่อมะเร็งและมีอันตราย 2.การพบผู้ป่วย โรคจากแร่ใยหินจำนวนน้อยในประเทศไทยเป็นผลจากการขาดระบบเฝ้าระวังและวินิจฉัยโรคที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ สธ.ต้องดำเนินการ หากการประชุมในวันที่ 20 มิถุนายน ที่ประชุมยังไม่มีมาตรการยกเลิกการใช้แร่ใยหิน กลุ่ม นักวิชาการยืนยันว่าจะเดินออกจากห้องประชุม ไม่ยอมเป็นตรายางเด็ดขาด

รศ.พญ.พิชญา พรรคทองสุข คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า โจทย์ที่ สธ.ต้องตอบประชาชนคือ จะมีมาตรการอย่างไร ในการค้นหาผู้ป่วยและการดูแลสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้คนไทยปลอดภัยจากแร่ใยหินไครโซไทล์ที่สะสมเป็นระเบิดเวลามาหลาย 10 ปี

ทางด้านนางสมบุญ สีคำดอกแค เครือข่ายรณรงค์ยกเลิกแร่ใยหินแห่งประเทศไทย (T-BAN) กล่าวว่า ในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 20 มิถุนายน เครือข่ายทีแบนจะไปติดตามและเรียกร้องให้ที่ประชุมกำหนดมาตรการยกเลิกการผลิตและการใช้ใยหิน เพื่อป้องกันผู้ได้รับผลกระทบจากแร่ใยหินไครโซไทล์โดยด่วนที่สุด ไม่ควรยื้อเวลาต่อไป เพราะสุขภาพคนไทยไม่ได้แข็งแรงกว่าสุขภาพคนทั่วโลกที่จะทนพิษภัยจากใยหิน ได้ อีกทั้งปัจจุบันก็มีสารทดแทนแร่ใยหินไครโซไทล์แล้ว จึงไม่มีเหตุผลอันใดที่จะไม่ยกเลิกแร่ใยหินไครโซไทล์

ที่มา--มติชน ฉบับวันที่ 20 มิ.ย. 2556 (กรอบบ่าย)--