ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เป็นประจำทุกปี เมื่อเดือนตุลาคมเวียนมาถึงอีกครั้ง จึงถือเป็นสัญญาณกระตุ้นเตือนให้ผู้หญิงทุกคนตื่นตัว และตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจหามะเร็งเต้านมเพื่อป้องกันการสูญเสียจากโรคดังกล่าว และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนและบุคคลทั่วไปใส่ใจการตรวจเต้านม อันนำไปสู่โอกาสในการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โครงการรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม 2556 จึงได้เกิดขึ้นและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 6 โดยปีนี้ได้รับความร่วมมือจากเหล่าเอกอัครราชทูต นักธุรกิจชื่อดัง กลุ่มนักเคลื่อนไหว เซเลบริตี้แถวหน้าของเมืองไทย และคนในวงการบันเทิงมากหน้าหลายตา ร่วมเป็นทูตกิตติมศักดิ์เพื่อรณรงค์โครงการดังกล่าว

ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี หนึ่งในทูตกิตติมศักดิ์ของโครงการนี้ กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ เพราะเป็นโอกาสที่ดีในการมอบโอกาสด้านสุขภาพซึ่งมีความสำคัญกับทุกคน การเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งคนเราจำเป็นต้องรักษา ฉะนั้นไม่ควรคิดว่าทรวงอกเป็นสิ่งที่น่าอาย ให้ถือว่าเป็นอวัยวะส่วนหนึ่ง ขอเพียงทุกคนใส่ใจดูแลตัวเอง หมั่นตรวจเต้านมเป็นประจำ เพราะการพบความผิดปกติแต่เนิ่นๆ จะทำให้ทุกคนมีโอกาสรักษาให้หายได้

ด้านกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร สตรีนักธุรกิจชื่อดังที่เพิ่งมีโอกาสร่วมโครงการนี้เป็นครั้งแรก เล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวว่า เคยมีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งเต้านมมาก่อน เมื่อมีโอกาสได้รับหน้าที่เป็นทูตช่วยประชาสัมพันธ์โครงการนี้จึงยินดีเป็นอย่างยิ่ง

"ปัจจุบันนี้ผู้คนมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งมากขึ้น สิ่งสำคัญคือเราสามารถดูแลรักษาตนเองได้ เพราะหากเราเป็นอะไรย่อมส่งผลกระทบต่อคนข้างหลัง อย่างลูกน้องหรือคนในครอบครัว ฉะนั้นการตรวจเต้านมด้วยตนเองสามารถทำได้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่อาบน้ำ ไม่ควรผัดวันประกันพรุ่ง และอายุน้อยใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ ฉะนั้นจึงอยากเชิญชวนให้ผู้หญิงทุกคนตระหนักถึงการดูแลตัวเอง"

ขณะที่แคโรลีน ลิงค์ ทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ ผู้ภูมิใจกับการทำหน้าที่ทูตกิตติมศักดิ์มานานกว่า 4 ปี มองถึงสถานการณ์ของมะเร็งเต้านมว่า ทุกวันนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามะเร็งมีสาเหตุมาจากอะไร ฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคือทุกคนต้องหมั่นตรวจเช็กร่างกายอยู่เสมอ และเลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ แนวคิดสำคัญคือคนเราควรมีความสุขในชีวิต ไม่ควรทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ

"ปกติตัวเองก็ทานอาหารออร์แกนิก เล่นกีฬา ฝึกจิต ฝึกคิดแนวบวกเพื่อระบายความเครียด เพราะการดูแลตัวเองอยู่เสมอย่อมสร้างสมดุลที่ดีให้กับร่างกาย เหล่านี้เป็นสิ่งง่ายๆ ที่ทุกคนรับรู้แต่ไม่ค่อยปฏิบัติ จึงอยากชวนในผู้คนหันมาใส่ใจตนเองมากขึ้น และสำหรับผู้ป่วย ณ ขณะนี้ก็ขอให้มีกำลังใจ เพราะโรคมะเร็งเต้านมสามารถรักษาให้หายขาดได้ หลังจากรักษาแล้วก็มีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ฉะนั้นคนในครอบครัวจึงควรเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยสู้ต่อไป"

ส่วนอังคณา นีละไพจิตร นักเคลื่อนไหวสตรีซึ่งเข้าร่วมโครงการนี้มานานกว่า 3 ปีแล้ว เล่าจากประสบการณ์ตรงของตัวเองว่า เคยเป็นพยาบาลคอยดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมาก่อน การทำหน้าที่ทูตจึงทำให้มีโอกาสช่วยรณรงค์ได้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงชายขอบตามพื้นที่ห่างไกล ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องสุขอนามัยค่อนข้างน้อย เมื่อพบผู้หญิงเหล่านี้ที่มารับการรักษาจะคอยเน้นย้ำเรื่องอนามัยเจริญพันธุ์อยู่เสมอ

"เคยมีประสบการณ์รู้จักรุ่นพี่ท่านหนึ่งป่วยเป็นมะเร็งระยะที่ 4 แล้ว เราบอกเขาว่าถ้าอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ดูแลรักษาตนอย่างต่อเนื่อง อยู่กับมันให้ได้ก็มีโอกาสหาย ซึ่งรุ่นพี่คนนี้มีกำลังใจดีมากในการต่อสู้กับโรค ทั้งที่อยู่ในระยะรักษายาก เพราะมีการลุกลามไปยังส่วนอื่นของร่างกาย แต่ไม่น่าเชื่อเขายังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ไม่เหมือนคนป่วยเป็นมะเร็งเลย จากกรณีนี้เองทำให้เราเชื่อว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งสามารถมีชีวิตได้อย่างคนปกติและมีโอกาสหายขาด ไม่กลับมาเป็นซ้ำ ขอแค่เพียงตระหนัก เข้มแข็ง และดูแลตนเองอย่างถูกต้อง พร้อมกำลังใจที่สำคัญจากคนรอบข้าง"

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 24 กรกฎาคม 2556

เรื่องที่เกี่ยวข้อง