ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

Hfocus -เครือข่ายสหวิชาชีพสธ.กว่า 300 คน บุกสธ.เรียกร้องทบทวนเกณฑ์บรรจุข้าราชการรอบ 2 ปี 57 ชี้ไม่เป็นธรรมเอื้อเส้นสาย ด้านสธ.แจงให้ยอมรับหลักเกณฑ์ไปก่อน ใครมีปัญหาจะช่วยแก้ไขรายบุคคลให้ ชี้ให้ยกเลิกอาจมีปัญหากับกพ.และส่งผลไม่ได้ตำแหน่งข้าราชการอีก

ที่กระทรวงสาธารณสุข-เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2556 เวลา 08.00 น. ชมรมสหวิชาชีพกระทรวงสาธารณสุขประมาณ 300 คน เดินทางมาเรียกร้องการบรรจุลูกจ้างนักเรียนทุนเป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข โดยนายวัฒนะชัย นามตะ ประธานชมรมสหวิชาชีพกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2555 เรื่องแนวทางการจัดสรรอัตรากำลัง และการบริหารจัดการในภารกิจบริการด้านสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการจัดสรรตำแหน่งตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวโดยได้ดำเนินการบรรจุข้าราชการตามมติคณะรัฐมนตรีในปีงบประมาณ2556 รอบแรกผ่านพ้นไปแล้วนั้น ในการจัดสรรตำแหน่งในรอบที่ 2 ปีงบประมาณ 2557 ในขณะนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดสรรตำแหน่งแตกต่างจากรอบแรกอย่างสิ้นเชิง ทำให้วิธีการจัดสรรคัดเลือกไม่เกิดความเป็นธรรมกับผู้รอการบรรจุทุกสายงานในกระทรวงสาธารณสุข ทำให้เกิดความสับสนในการปฏิบัติ และกำลังจะเกิดความขัดแย้งกันเองในระหว่างผู้รอรับการบรรจุ เพราะเกิดความสับสนในวิธีการดำเนินการต่างๆ ในกรณีการบรรจุข้าราชการรอบนี้ เพื่อยุติความขัดแย้งต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น และคงไว้ซึ่งความสามัคคีอันดีระหว่างผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงความเป็นเอกลักษณ์ของการทำงานระบบพี่ดูแลน้องเสมือนหนึ่งครอบครัวเดียวกัน

ทั้งนี้ ทางชมรมสหวิชาชีพกระทรวงสาธารณสุข จึงมีมติเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุข พิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการบรรจุข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขดังต่อไปนี้ ข้อ 1.การบรรจุรอบนี้ ต้องยึดตามระบบรุ่นพี่รุ่นน้องเท่านั้น ให้ดูตามอายุการทำงานการรอคอยบรรจุใน พื้นที่ แยกตามสายงาน ข้อ 2.การบรรจุรอบที่ 2 ปี 2557 เงื่อนไขการใช้ FTE ขอให้พิจารณาใหม่ เพราะไม่สามารถนำมาใช้ได้ทุกสายงาน ด้วยภาระงานนั้นทำให้ได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องพื้นที่ ทำให้เสียขวัญและกำลังใจ เพราะไม่สอดคล้องกับจำนวนคนรอบรรจุจริงในพื้นที่ ขอให้กระทรวงพิจารณาหลักเกณฑ์ใหม่ ข้อ 3.การบรรจุรอบนี้ ให้นำตัวเลขตำแหน่งที่มีอยู่ นำมาจัดสรรใหม่ เฉลี่ยตามสัดส่วนจำนวนรอคอย อย่างเท่าเทียมกันทุกสายงาน เพราะทุกคนทำงานเป็นองค์รวมร่วมกัน หรือยึดตามอัตรากรอบเดิมรอบแรก โดยอิงการรับรองจาก กพ. เท่านั้น เพราะตำแหน่งรอบนี้ ไม่มีความสัมพันธ์กับจำนวนคน จานวนระยะรอคอยตามปีจบทำให้เกิดการตกหล่นจำนวนมาก แม้จะบรรจุได้ไม่ครบ 100% ของยอดรอการบรรจุ ก็สามารถจะยอมรับได้ ข้อที่ 4 ในการพิจารณาเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสหวิชาชีพ หรือเกี่ยวกับสายงานใดสายงานหนึ่ง ขอให้มีผู้แทนสหวิชาชีพ หรือผู้แทนสายงานนั้นๆ ได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องนั้นด้วย ทุกเรื่อง เพราะทุกสายงานมีความสำคัญในการขับเคลื่อนกระทรวงสาธารณสุข จึงขอให้มีส่วนร่วม

นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวหลังประชุมร่วมกับตัวแทนสหวิชาชีพด้านสาธารณสุข 24 สายงาน อาทิ พยาบาลวิชา นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ นักเทคนิกการแพทย์ นักกายภาพบำบัด นักรังสีการแพทย์ นักกายอุปกรณ์ ฯลฯ ถึงกรอบอัตรากำลังการบรรจุลูกจ้างชั่วคราวเป็นข้าราชการและกระทรวงสาธารณสุข ว่า หลังพูดคุยกันทำให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้นซึ่งกระทรวงสาธารณสุขยอมรับข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อของชมรมสหวิชาชีพกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะเกณฑ์การคัดเลือกผู้ที่จะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการก่อนให้ใช้ระบบอาวุโส เป็นเรื่องที่เห็นด้วยแต่ต้องอยู่บนพื้นฐานกรอบอัตรากำลังที่ ครม.มีมติไว้แล้ว หากพื้นที่ใดที่มีลูกจ้างอาวุโสแต่ไม่ได้รับการจัดสรรกรอบอัตรากำลังก็จะให้ย้ายไปบรรจุในพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับการจัดสรรก่อน ส่วนที่ขอให้เปลี่ยนเครื่องมือการจัดกรอบอัตรากำลังใหม่ไม่ใช้กรอบตามภาระงาน (FTE) นั้นยังไม่สามาถเปลี่ยนได้ทันทีเพราะ FTE. เป็นเกณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) หากเปลี่ยนตอนนี้อาจไม่ได้รับการอนุมัติกรอบอัตรากำลังข้าราชการตามที่ขอไว้ 7,547 ตำแหน่งขอให้ได้รับอนุมัติกรอบทั้งหมดก่อนแล้วค่อยมาให้คณะกรรมการร่วมจะเปิดให้มีตัวแทนสหวิชาชีพที่มีส่วนได้เสีย เข้ามาร่วมตามข้อเรียกร้อง ได้มาร่วมกันพิจารณาเพื่อความเป็นธรรม ทั้งนี้ยอมรับปัญหาการจับกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในปีนี้หลังปฏิรูปกระทรวงสาธารณสุขเกิดจากการสื่อสารความเข้าใจที่ไม่ทั่วถึง จำเป็นต้องปรับกระบวนการสื่อสารองค์กรแบบสื่อตรงแทนการสื่อสารผ่านสายการบังคับบัญชา 

ด้านนายวัฒนะชัย นามตะ ประธานชมรมสหวิชาชีพกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังจากการประชุมร่วมกับสธ.ว่า พอใจกับการพูดคุยโดยตรงกับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขในวันนี้ ยอมรับขาดการคุยทำความเข้าใจกันแต่แรกทำให้เข้าใจกันคลาดเคลื่อน แต่ตอนนี้เข้าใจและยอมรับเงื่อนไขตามกระบวนการบริหารราชการ และพร้อมคัดเลือกตัวแทนสหวิชาชีพทุกสาขาร่วมกำหนดกรอบอัตรากำลังในรอบกรอบที่ 3 ประมาณเดือน ม.ค.-ก.พ.ปี 57 ถามถึงการเคลื่อนไหวนัดชุมนุมหน้าบ้านนายกรัฐมนตรีของเครือข่ายแพทย์ชนบทค้านการจ่ายค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน (P4P) นั้น นายวัฒนะชัย นามตะ ยอมรับได้รับการโทรชวนแต่ยืนยันไม่ขอเข้าร่วม ที่ออกมาก็เพื่อต้องการความชัดเจนเรื่องกรอบอัตรากำลังเพียงอย่างเดียว ส่วนที่แพทย์ชนบทเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งทำกรอบค่าตอบแทนกลุ่มแพทย์ให้เสร็จก่อนโดยไม่ต้องรอกลุ่มวิชาชีพอื่นนั้นไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการแบ่งแยก ไม่ว่ายังไงความเป็นพี่น้องของบุคคลากรทางการแพทย์ก็ยังคงเดิม ยังทำงานร่วมกันเพื่อดูแลสุขภาพประชาชนได้เช่นเดิม